การให้โอวาทของผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต
ณ เขากะลา นครสวรรค์ วันที่ 10 ตุลาคม 2541
(ตอนที่ 9 จบ. )
โดย กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
(คุณวิโรจน์) ท่านว่าในการนั่งสมาธิ ให้ไปในหนทางแห่งการใช้ปัญญา หมายความว่า ที่จะเรียกปัญญาก็เหมือนท่านบอกว่าเป็นปัจจัตตัง อย่างนี้ใช่ไหมครับ พอรู้แจ้งด้วยปัญญา ก็จะเห็นแจ้งหมด ก็เท่ากับเป็นตาทิพย์ อย่างนี้ใช่ไหมครับ.
(ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) เออ...ตาทิพย์มันมีหลายอย่างนะ สมมุติเจ้าตาทิพย์ สมมุตินะ เจ้าตาทิพย์ มองจากที่นี่ มองเห็นยานอวกาศของข้าพเจ้า บึงบอระเพ็ดเต็มไปหมด กับการที่ใช้ปัญญา เขาเรียกว่ามีปัญญา ปัญญาญาณเนี่ย...ไม่เห็น มองไม่เห็นนะ แต่ว่ามีปัญญารู้ว่า ที่ท่านเหล่านี้มา #มันมีความสำคัญแค่ไหน #มันมีความลึกซึ้งแค่ไหน ใช้ปัญญามองลงไป #ความเพียรพยายามของเทพทั้งหลาย #ความสำคัญของญาณใหญ่ทั้งหลาย มองด้วยปัญญาของตัวเอง โดยไม่ต้องไปมองเห็นรูปร่างยาน รูปร่างภายนอก
แต่การมองด้วยปัญญาแบบนี้ #ข้าพเจ้าสรรเสริญมากกว่าการเพ่งแล้วเห็นยานอวกาศของข้าพเจ้าในสมาธิของพวกเจ้า การมองด้วยปัญญาของเราตอนนี้ เราก็มองได้ ไตร่ตรองไปเยอะ ๆ มองให้มันแยบคาย ให้ลึกซึ้ง ว่าท่านทั้งหลายที่มาในขณะนี้ ที่นี่จะสำคัญเพียงไร เทพทั้งหลายก็ลงมาจากเทวโลก มนุษย์ต่างดาวก็มาจากที่ไกล มาด้วยความยากลำบากเพียงไร
ข้ารู้นะ ร่างพระพิฆเณศร์ (จ.ส.อ.เชิด) ในสมัยที่ท่านได้พูดมา ได้รับรู้น่ะว่าท่านนั่งสมาธิแบบนี้ นี่เป็นตัวอย่างได้ ท่านนั่งสมาธิไปนะ นั่งนิ่ง ๆ วิธีไหนของเจ้าก็แล้วแต่ ท่านนั่งพุทเข้า โธออก แล้วท่านก็ทำไงรู้มั๊ย....#ท่านก็ไตร่ตรอง โอ...#ร่างกายเรานี้หนอ #มันไม่เที่ยง #มันทรุดโทรมไป อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา #ท่านพิจารณาสังขาร เออ...มันไม่เที่ยงนะ นั่งแล้วมันก็เมื่อยได้ ในร่างกายเรามันก็มีสิ่งไม่สวยไม่งาม เพราะฉะนั้น นี่คือสิ่งที่ท่านทำดีแล้ว เทพทั้งหลายอนุโมทนา
เพราะฉะนั้น พวกเราล่ะ ทำไมไม่ทำอย่างท่าน เห็นไม่เห็นไม่เป็นไร แต่พอจิตสงบ มาดูซิ...มาดูความเป็นจริงซิ ร่างกายของเรามันก็เท่านี้ พอ 30 แล้วร่างกายมันก็เหี่ยว พอ 40 แล้วร่างกายมันก็เหี่ยวมากขึ้น 50 มันก็เหี่ยวมากขึ้น มันดึงกลับไม่ไหวแล้ว เพราะฉะนั้น #มันก็เป็นไปตามหลักที่พระพุทธองค์ทรงสอนนะ ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่นนะ #อีกหน่อยก็ต้องนึกถึงกันทุกๆคน
แล้วทำไมล่ะ #เวลาที่เหลือ #เราไม่ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับดวงจิตของเรานะ หน้าที่การงานของแต่ละคน แยกย่อยกันไปแต่ละอย่าง แต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับดวงจิตของตัวเรา ทำได้ทุกวินาที ตอนนี้ก็ทำได้
สิ่งสำคัญที่ท่านสอนก็คือ
#อย่าไปคิดร้ายใคร ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู #และอย่าไปพูดว่าร้ายใครนะ ไม่ว่าจะเป็นมิตร หรือศัตรู
#เสร็จแล้วก็อย่าไปทำร้ายใคร อันนี้ก็สำคัญนะ ไว้ป้องกันตัวเองนะ 3 อย่างนี้ เราทำดีได้มาก ได้น้อยเท่าไรไม่ว่า
แต่อย่าไปคิดร้ายใคร อย่าไปทำร้าย อย่าไปว่าร้ายใครนะ เพราะฉะนั้น สิ่งที่คนอื่น #ไม่ว่าจะเป็นมหาโจร #ก็เป็นไปตามกรรมของเขา #เราก็รู้ไปตามหลักกฏแห่งกรรมนะ อย่าไปว่าเขา อย่าไปซ้ำเติมเขา #ถ้าช่วยเขาไม่ได้ก็ปลงสังเวชไปนะ
อันนี้นะ ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง #ซึ่งเป็นแก่นของพระพุทธศาสนานะ
#พระพุทธองค์น่ะ ท่านไม่คิดร้ายใคร ไม่ว่าร้ายใครนะ ท่านไม่ทำร้ายใครนะ พญามารมาแกล้งท่าน ท่านก็ไม่ว่าร้ายนะ ไม่คิดร้ายนะ เพราะฉะนั้น เราเป็นศิษย์พระพุทธองค์ ทำตามแบบนี้ ธรรมะ..ชนะ..อธรรม เสมอนะ แต่ใช้เวลาหน่อยนะ
เออ...วันนี้ได้ประโยชน์กันไปเยอะนะ #แต่ใครจะคุ้มค่ามากก็คือคนที่เอาไปไตร่ตรอง #ธรรมะนี่มันสำคัญยิ่งกว่าทองนะ
....สมควรแก่เวลา ทุกท่านในที่นี้ เดี๋ยวรับบารมีจากข้าพเจ้า .... เปิดใจรับบารมีจากข้าพเจ้าโดยพร้อมเพรียงกันด้วยเทอญ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น