หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา องค์บูรพาจารย์ของหลวงพ่อ เป็นต้นตำรับการเป่ายันต์เกราะเพชร หลวงพ่อเมตตาเล่าว่า งานเป่ายันต์แต่ละครั้ง เรือแพแน่นขนัดไปทั้งแม่น้ำ เดินข้ามไปอีกฝั่งได้สบาย ๆ ผู้คนหลั่งไหลกันมามืดฟ้ามัวดิน หุงข้าวพร้อมกันทีละแปดกระทะ ตั้งแต่เช้ายันเย็นยังไม่พอเลี้ยงคนเลย...!
ยันต์เกราะเพชรนี้ หลวงปู่ปานศึกษาจากตำราพระร่วง โดยตัดมาจากส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม เป็นการนำเอาพุทธคุณบทต้นมาเขียนเป็นตัวขอม อ่านตามขวางว่า
อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา
ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง
ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท
โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ
ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ
คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ
วา โธ โน อะ มะ มะ วา
อะ วิ สุ นุต สา นุส ติ
บางคนเรียกว่าคาถาอิติปิโสแปดทิศ เขียนแล้วชักสูตรจะออกมาเป็นยันต์เกราะเพชร
วันเป่ายันต์ เป่าได้เฉพาะวันเสาร์ห้า คือ ต้องตรงกับวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือนใดก็ได้ ผู้รับยันต์ต้องมีธูปเทียน ๑ ชุด เป็นเครื่องบูชาพระ ถ้าเป็นหญิงมีครรภ์ ต้องจัดธูปเทียนเผื่อลูกในท้องอีก ๑ ชุด ธูปเทียนนี้ไม่ต้องจุด เมื่อเสร็จพิธีแล้ว นำกลับบ้านได้ ใช้สำหรับไล่ผีชะงัดนัก เอาธูปเทียนจี้เข้า ผีเผ่นกระเจิง...!
การเป่ายันต์ไม่ได้เป่าทีละคน หากแต่เป่าทีละเต็มศาลา กี่หมื่นกี่แสนคนก็เป่าพร้อมกันทีเดียว "พระ" ท่านบอกว่า เป่าทีเดียวทั่วจักรวาล จะอยู่มุมไหนของโลกก็ตาม ถ้าตั้งใจรับด้วยความเคารพ ก็มีผลเช่นเดียวกับคนที่มาเข้าพิธีด้วยตัวเอง...
หลวงพ่อจะให้ผู้รับยันต์ สมาทานศีล สมาทานพระกรรมฐาน แล้วดูภาพยันต์ที่ตั้งไว้ในพิธี ตั้งใจจำภาพยันต์ไว้ในใจ แล้วหลับตาภาวนาว่า พุทโธ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าหลวงพ่อจะบอกว่าเสร็จพิธี...
ยันต์เกราะเพชรคือพุทธานุภาพ ขณะที่เราหลับตาภาวนา พระพุทธเจ้าจะเปล่งฉัพพรรณรังสีลงมา ครอบคลุมท่านที่ตั้งใจรับยันต์ หลวงพ่อท่านจะคอยดูอยู่ พอพระท่านบอกว่าเต็มแล้ว หลวงพ่อก็จะบอกให้เลิกภาวนา...
เมื่อยันต์เกราะเพชรเริ่มจับตัว ผู้รับจะมีอาการต่าง ๆ กัน เช่นร้อนหู ร้อนหน้า ขนลุกขนชัน หนักศีรษะ หรือ คันยุบยิบเหมือนมีตัวไรไต่ บางคนจับไข้ไปเลย อาการเหล่านี้จะทรงอยู่ไม่เกิน ๒-๓ วัน พอยันต์เข้าตัวหมดก็หายไปเอง...
ผู้ที่ถูกไสยศาสตร์มา ไม่ว่าจะเป็นคุณผี-คุณคน หรืออะไรก็ตาม เมื่อเริ่มทำการเป่ายันต์ ท้าวจาตุมหาราชและบริวารจะช่วยขับของเหล่านั้นออกให้ คนที่โดนของมาจะทั้งดิ้นทั้งร้อง ต้องปล่อยให้สงบไปเอง เลิกดิ้นเลิกร้องเมื่อไร แปลว่าของอาถรรพ์สลายตัวหมดแล้ว...!
การเป่ายันต์เกราะเพชรเป็นการปลุกเสกวัตถุมงคลไปในตัวด้วย ใครมีวัตถุมงคลไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุด หรือ เครื่องรางใด ๆ ก็ตาม เวลาเข้าพิธีให้วางไว้บนตักตัวเอง เสร็จพิธีเป่ายันต์ก็นำไปใช้ได้เลย...
การรักษายันต์เกราะเพชรให้อยู่กับตัว ผู้รับยันต์ไปต้องมีศีล ๕ บริสุทธิ์ หรืออย่างน้อย ต้องมีศีล ๒ ข้อ คือห้ามกินเหล้า และห้ามลักขโมย ตอนเช้าต้องสวดมนต์ไว้พระ นึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาราธนาบารมีของท่าน ลงมาเป็นเกราะเพชรคลุมกายเรา ภาวนา "พุทโธ" ให้ใจสบาย แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง ถ้าทำแบบนี้ได้ทุกวัน อานุภาพของยันต์เกราะเพชร จะคุ้มครองรักษาให้ท่านมีความปลอดภัยทุกประการ...
ผู้ที่รับยันต์ไปแล้ว ถ้ารักษาไว้ได้จะมีอานุภาพดังนี้
๑. จะไม่ตายโหงอย่างเด็ดขาด
๒. จะไม่ตายด้วยพิษสัตว์ทุกชนิด
๓. ปลอดภัยจากไสยศาสตร์ทุกชนิด
๔. ไสยศาสตร์ทุกประเภท จะสะท้อนกลับไปเอง
ผู้รับยันต์ไปเป็นผู้ใหญ่ ถ้ารักษาไว้ด้วยดี เมื่อตายแล้วเผาจะมียันต์ติดอยู่ที่กระดูก สำหรับเด็กในท้อง ถ้าเป็นลูกชายคนหัวปี เมื่อคลอดออกมาจะมียันต์ติดอยู่ตามตัว เป็นลวดลายต่าง ๆ กันไป... ลูกศิษย์หลวงพ่อหลายคน เมื่อตายแล้วเผา มียันต์ติดที่กระดูก บางคนกระดูกกลายเป็นพระธาตุไปเลย เด็กที่เกิดมามียันต์เกราะเพชรติดตัวเป็นจำนวนมาก บางคนลายเป็นแตงไทย บางคนหูดำทั้งสองข้าง บางคนเป็นยันต์เกราะเพชรอย่างชัดเจน...
รายหนึ่งอยู่ลพบุรี ผู้เป็นแม่รับยันต์ไปแล้ว ตั้งใจรักษาศีล ๘ อย่างเคร่งครัด ลูกเกิดมามียันต์เป็นสีแดง และปรากฏขึ้นทุกวันพระ อีกรายมียันต์ติดกระหม่อมเป็นรูปกงจักร ซึ่งลวดลายยันต์เหล่านี้จะค่อย ๆ ซึมเข้าเนื้อไปอยู่ที่กระดูกจนหมด คุณแม่รายหนึ่งเกรงว่าลูกจะเสียโฉม ให้หมอตำแยเอาเหล้าพ่นพรวดเดียว ยันต์หายวับไปเลย...!
หลวงพ่อเริ่มเป่ายันต์อย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ ที่ ศาลาพระพินิจอักษร คนมารับยันต์หลายพันคน ต้องทำพิธีเป่าอยู่หลายรอบ ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๖ ที่ ศาลา ๒ ไร่ ผู้คนแห่กันมาหลายหมื่นคน ศาลา ๒ ไร่ ที่ยังไม่เสร็จดี ต้องเปิดรับคนจนล้นหลายรอบเช่นกัน...
พอเป่ายันต์ครั้งที่ ๓ วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๒๗ ศาลาสองไร่พัง...! ผู้คนแทบจะเหยียบกันตาย มากันเป็นแสน ๆ คน ข้าวที่เคยหุงเลี้ยงคนครั้งที่แล้ว ๒๒ กระสอบ ครั้งนี้แค่ช่วงเช้าหมดไปแล้วเกือบ ๓๐ กระสอบ...!
มาถึงปัจจุบันนี้ หลวงพ่อทำการเป่ายันต์ไปแล้ว ๑๓ ครั้ง แต่ละครั้งผู้คนมากขึ้นทุกที ขนาดใช้ศาลา ๑๒ ไร่ ยังต้องเป่าถึง ๓ รอบ ผู้ที่โดนไสยศาสตร์มาดิ้นกันศาลาแทบพัง คนที่มาเข้าพิธีเห็นเข้าก็ช่วยบอกกันต่อ ๆ ไป คนเลยหลั่งไหลกันมามืดฟ้ามัวดิน...!
อาตมาเข้ารับยันต์เกราะเพชรครั้งแรก เกิดไข้จับไปเกือบสามวัน ครั้งที่สองขนลุกเป็นตุ่มพราวไปทั้งตัว เป็นอยู่หลายชั่วโมงจนรู้สึกเจ็บ ครั้งต่อ ๆ มาคงจะอยู่ตัวแล้วจึงไม่รู้สึกอะไร ช่วยจำหน่ายวัตถุมงคลของหลวงพ่ออย่างสบายอกสบายใจ...
อานุภาพยันต์เกราะเพชรที่พบมา คือ โยมแม่ของอาตมามารับยันต์ไปแล้ว โดนรถชนจนกระดูกหักไปทั้งแถบ ร่างกายยุบไปซีกหนึ่ง นอนห้องไอซียูอยู่ ๑๘ วัน อาตมาถวายสังฆทานให้ล่วงหน้า เพราะคิดว่าตายแน่ ๆ แม้แต่หมอก็คาดเช่นนั้น... แต่หลวงพ่อท่านยืนยันว่า คนรับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ไม่ตายโหงอย่างแน่นอน และก็เป็นความจริง หลังจากออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวอยู่กับบ้าน และไปให้หมอตรวจประจำทุกอาทิตย์ สามปีให้หลังโยมแม่ก็หายเป็นปกติ แข็งแรงดีทุกประการ...
อีกรายคือจารุณี สุขสวัสดิ์ ดารายอดนิยมแห่งยุค รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ไปรถคว่ำหลังหัก แต่ก็รักษาหายเป็นปกติเช่นกัน แสดงว่าผู้รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้ารักษาเอาไว้ได้ รับรองว่าไม่ตายโหงอย่างแน่นอน...
ส่วนอาตมาเอง โดนงูพิษกัด เพราะไปจับมันเล่น พิษวิ่งขึ้นมาแค่ข้อศอกแล้วกลับลงไปที่ปากแผล ขึ้นลงอยู่ ๓-๔ วาระก็สูญสลายไปเอง อานุภาพยันต์เกราะเพชรป้องกันพิษสัตว์ได้จริง...!
....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น