#ที่นีมาว่ากันถึงว่าแม่ทัพใหญ่ในสังโยชน์ทั้ง ๑๐ นี้ มันคือใคร มันใครกันแน่ ที่จะตัดอายตนะเสียได้ ความผูกพันที่เกิดจากอายุตนะ ไอ้ตัวนี้ไม่ใช่ใคร #สักกายทิฏฐิตัวต้นนั่นแหละ ตามที่พูดมาแล้วในขันธวรรค หรือขันธบรรพ ที่พระสารีบุตรบอกกับบรรดาพระสงฆ์ทั้ง
หลายว่า #ตัดสักกายทิฏฐิได้ตัวเดียวไปพระนิพพานได้ #จะเป็นพระโสดาบันก็ได้ เป็น #พระอนาคามี ก็ได้ ที่นี้จะมาบอกวิธีตัดให้สักนิดหนึ่ง #สมมติว่าตาเห็นรูป #มันเกิดรักรูปเข้าแล้วนะ #รักแบบ
#ไหนก็ช่างเถอะ #เอาแบบชนิดที่เรียกว่าถอนตัวไม่ออก ก็แล้วทีนี้รูปไหนล่ะ ที่เรารัก ไปยืนเปรียบเทียบดู ถ้าเข้าไปใกล้ๆ ระวังนะ เขาจะตบหน้าเอา อยู่ไกลๆ ก็ได้ มองดูว่าเรามีเท้าเขามีเท้าหรือเปล่า เรามีหนัง เขามีหนังหรือเปล่า เรามีตามีหู มีจมูกมีฟัน มีขี้มีเยี่ยว มีเลือดมีเสลด มีน้ำเหลือง อะไรต่ออะไรพวกนี้ ไอ้รูปที่เรารักน่ะ เขามีหรือเปล่า นี่หมายถึงว่ารูปที่มีชีวิตนะ แต่รูปที่ไม่มีชีวิตก็เหมือนกันนะ เมื่อมันเกิดมาใหม่แล้ว มันเก่าหรือเปล่า ไอ้รูปตัวอย่างก่อนๆ มันเก่าไปแล้วมีไหม เอายังงีก็แล้วกัน เทียบกันดูนะ
#ที่นี้เอารูปคนเถอะ อย่างอื่นมันไม่แน่นักหรอก ไอ้ที่ยึดแน่ กับรูปคนรูปบ้านเรา
ชอบใจเดี๋ยวเราก็ละ มันเก่าแล้วเราก็ไม่ชอบ เครื่องประดับประดาอย่างอื่นก็เหมือนกัน ประเดี่ยวก็หยิบประเดี๋ยวก็วาง ไอ้ที่ติดมากนี่คือรูปคน รูปคนนี่ไม่ใช่ชอบรูปอย่างเดียว ชอบลูบชอบ
คลำเสียด้วย ชอบสัมผัส นี่มันชอบมาก ทีนี้ตัวรูปตัวนี้แหละไปลองคลำๆ ดู ว่าเขามีเหมือนเรา แล้วล้วงเข้าไปในท้อง นึกล้วงนา อย่าเอามือล้วงเข้าไปนา เดี๋ยวติดตะราง ล้วงเข้าไปในท้อง
ดูว่าเขามีอะไรเหมือนเราไหม ถ้ามีแล้วก็ลองพิจารณาดูว่ารูปนี่สะอาดหรือสกปรก น่าประคับประคองหรือเปล่า แล้วก็ดูต่อไป รูปนี่มีอาการเปลี่ยนแปลงไหม แล้วก็ในที่สุดมันพังไหม นี่
เป็นยังงี้ เมื่อพังแล้วมันก็สะอาดหรือมันเก่า มันผุมันเปื่อย มันเหม็นหรือมันหอม หาความเป็นจริง นี่เรียกว่ารูปภายนอกที่เราชอบนะ
#รูปภายในคือร่างกายของเรา ว่ามันทรงสภาพไหม มันเปลี่ยนแปลงไหม แล้วมัน
จะตายไหม ถ้ารู้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลง มันจะตาย มันจะสกปรก เราก็นึกสิว่าเจ้าเวรเอ้ย เองจะไปรักมันทำไม แล้วก็มันไม่เป็นมิตรที่ดีสำหรับเรา จะชอบมันทำไม โมกขธรรม คือธรรม
เป็นเครื่องพ้นจากความตายมีอยู่ ทำไมจึงไม่ชอบ นั่นก็คือพระนิพพาน ทำใจยังไงจึงจะเห็นชัด
โน่นแนะ ! ไปล้วงเอานวสี ๔ คืออสุภกรรมฐานมา เอาธาตุ ๔ มา เอาปฏิกูลสัญญามาช่วย
ประกอบ นี่เวลาเจริญวิปัสสนาญาณต้องเอาสมถะมาช่วยประกอบเหมือนกันนะ มันจึงจะไปรอด
ถ้าตัดรูปไปได้ตัวเดียว เห็นแล้ว ว่าเจ้านี่ตายแน่แล้ว เจ้านี่ป่วยแน่แล้ว เจ้านี่เน่าแน่แล้ว เจ้า
นี่แก่แน่แล้ว แล้าเรายังจะรักมันเพื่อประโยชน์อะไร คิดบ่อยๆ ให้มันชิน พิจารณาให้เห็น
หนักเข้าๆ มันก็จะมีความรังเกียจ คล้ายๆ รังเกียจสิ่งโสโครก คืออสุภกรรมฐาน
ได้แก่คนเน่าคนเปื่อย สุนัขเน่าสุนัขเปื่อยนั่นเอง เมื่อเกิดนิพพิทาญาณความเบื่อหน่ายแล้ว ตอ
มาสังขารุเปกขาญาณ ความวางเฉยในสังขารมันก็ปรากฏฎ ในร่างกายนะ ก็เชิญป่วยสิ มียาด
ก็รักษา หายก็หาย ไม่หายก็ตามใจนายสิ ตามใจ จะตายรี ก็ตามใจสิ ฉันรู้แล้วน้ว่าแกจะตาย ไอ้แกกับฉันนี้ชาตินี้ชาติเดียว เป็นชาติสุดท้ายนะ ต่อไปเลิกคบกันเราไม่ต้องการ อีตอนคิดอย่างนี้ มันดียังไง จะดีหรือไม่ดีก็ต้องดูท่านโคธิกะ #ท่านโคธิกะบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา
#บวชมาแล้วได้แต่เพียงฌานโลกีย์ #ไม่ได้อรหัตตผล #พระโสดาบันก็ไม่ได้ #เกิดความป่วยไข้ไม่สบาย
#อย่างหนักบวมทั้งตัว #ในที่สุดก็เกิดเบื่อสังขาร #เบื่อขันธ์ ๕ #คิดว่าเกิดมาทันพระพุทธเจ้าแล้วขันธ์ ๕
#ยังเป็นโทษ #เลยไม่ต้องการขันธ์ ๕ อีก #คิดว่าชาตินี้ชาติเดียวเราเป็นเหยื่อของขันธ์ ๕ #ชาติหน้าขันธ์ ๕ #ไม่มีสำหรับเรา เมื่อไม่ต้องการความเกิดอีกทั้งหมด ขึ้นชื่อว่าขันธ์ ๕ แล้วไม่ต้องการ เลย
เอามีดโกนเชือดคอตาย ไปนิพพาน นี่กรุณาดูเรื่องราวของพระโคธิกะในอนุพุทธประวัติ มีหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดูเหมือนจะมีในหลักสูตรนักธรรมโท
#นี่การไปนิพพานมีนิพพิทาญาณ #สังขารุเปกขาญาณเสียหน่อยเดียว ก็ไปได้ ทีนี้เมื่อตัดสักกายทิฏฐิได้แล้ว นี่พูดกันย่อๆ นะ เวลามันนิดเดียว ตัดตัวนี้เสียได้แล้ว ไอ้เสียง ไอ้กลิ่น ไอ้รส สัมผัสมันก็เหมือนกัน มันก็ตัดได้หมด ให้ตัดรูปเสียเถอะ ไอ้เสียงมันก็มาจาก
รูป ไอ้รสแห่งการสัมผัส รสกระทบลิ้นมันก็มาจากรูป ไอ้สัมผัสมันก็มาจากรูป ทำไมว่ารสมาจากรูป กินรูปเข้าไปได้รึ ก็กินปลากินหมูนี่ไม่ใช้รึ กินผักกินน้ำพริกน่ะ มันรูปทั้งนั้นแหละ จะไปเอาแต่รูปคนยังไงเล่า นี่มันก็เป็นรูปด้วยกันหมดแหละ
#เมื่อตัดสักกายทิฏฐิได้แล้ว ต่อไปเมื่อมีความสงสัยในคำสอน ก็นึกว่านี่เราเห็นตามจริงพระพุทธเจ้าแล้วนี่ ท่านกล่าวว่า คนเกิดแก่เจ็บตายเหมือนกันหมด ก็เลิกสงสัย ที่นี่ถ้าเราจะเอาดีแล้ว เห็นดีแล้วตามพระพุทธเจ้าก็นึกว่า ศีลนี่แหละจะนำเราไปพระนิพพาน กำลังใจมันก็เกิด ก็รักษาศีลได้ ทีนี้มาตอนกามฉันทะ เรากำจัดความพอใจในรูปเสียงได้แล้วกามฉันทะมันจะมายังไงล่ะ มันก็หมดไป ถ้ามีอารมณ์ที่เป็นอนุสัย ก็ค่อยๆ คิด มันก็หายไป แล้วมาพยายาม โอ๊ะ ! มันจะเกิดมาได้ยังไง ก็เรารู้ว่าเขาจะตาย เขาก็ต้องเจ็บเขาเอง เขาต้องป่วยเขาเอง เขาต้องลำบากเขาเอง แล้วเขาก็ตายเขาเอง จะมานั่งคิดฆ่าเขาทำไม มันก็หายไป
#ทีนี้ถ้าอารมณ์จับพระนิพพานแล้วนี่ตอนนี้ เป็นพระอนาคามีแล้วนี่้แหละ กำจัดพยาบาทได้เป็นพระอนาคามีแล้ว มาถึงรูปราคะในปฐมฌาน ในรูปฌานก็ดี หรือรูปราคะในอรูปฌานก็ดี เราก็ไม่เอาหัวไปจมอยู่ตรงนั้นหรอก อย่าคิดว่าฌานเป็นของเลิศประเสริฐไม่มีสิ่งอื่นยิ่งกว่า มันคิดไม่ได้แล้ว เพราะวิปัสสนาญาณที่มีกำลังสูงกว่า มีความบริสุทธิ์กว่าเข้าถึง
แล้ว เหมือนกับเรียนมัธยมแล้วก็เห็นว่าชั้นประถมไม่สำคัญ หมายความว่าชั้นประถมไม่ใช่ชั้นเลิศ ต้องเรียนชั้นอุดมต่อไป
# ทีนี้มาตัวมานะ เมื่อรู้ว่คนตายเหมือนกันแล้ว มานะมันจะเกิดที่ไหน อุทธัจจะ
ความฟุ้งซ่านก็เหมือนกัน ในเมื่ออารมณ์จับพระนิพพานแล้วความฟุ้งซ่านไม่มี มีอย่างเดียวคืออย่างที่อื่นไม่เห็นด้วย เห็นด้วยเฉพาะนิพพานเท่านั้น จับเฉพาะพระนิพพาน จิตไม่คลาดจาก
พระนิพพาน อย่างนี้เรียกว่าไม่มีอุทธัจจะ อวิชชา ความโง่ เมื่อรู้มาแค่นี้แล้วมันจะโง่ยังไง ไม่มีการโง่หรอก ไม่ต้องไปตัดหรอก มันตัดหมดของมันเอง นี่เป็นอันว่าอายตนะทั้ง ๖ ต้องตัดด้วยสักกายทิฏฐิ สังโยชน์ที่เกาะร้อยรัดจึงจะหมดไป
# เอาล่ะบรรดาญาติโยมและพระคุณเจ้าทั้งหลาย เวลาหมดแล้ว ขืนพูดไปก็ไม่เป็นเรื่อง เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะบ่นเอา เมื่อเวลาหมดก็ขอลากลับวัดก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแก่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟังทุกท่าน สวัสดี.
ที่มา
🖊️📖หนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง๒๙ หน้าที่๑๒๑~๑๒๔
🙏🙏หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม(ท่าซุง) ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
🖊️นภา อิน🙏🙏😊😊🌺🌺
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น