14 พฤษภาคม 2563

เราสามคน

อ่านให้จบ..อาจน้ำตาไหล 
ในตัวเรา มีคน อยู่  "สามคน" 
หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาต 
เห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น
จึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร 

ลูกศิษย์ตอบกลับมาว่า

" ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอพระ 
แต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อย ๆ 
ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมย
ไม่มีใครเชื่อผมเลย ฮือ ฮือ 

"หลวงตานั่งลงข้าง ๆ 
พยักหน้าเข้าใจแล้วสอนลูกศิษย์ว่า

" เจ้ารู้ไหม ในตัวเรามีคนอยู่สามคน 

คนแรก      คือ    คนที่เราอยากจะเป็น
คนที่สอง   คือ    คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น 
คนที่สาม   คือ    ตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ "

ลูกศิษย์หยุดร้องไห้ นิ่งฟังหลวงตา

" คนเราล้วนมีความฝัน ความทะยานอยาก 
ตามประสาปุถุชนทั่วไป 
ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย 
บางครั้งความฝันก็เป็นสิ่งสวยงาม 
เป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดิน 
เช่น บางคนอยากเป็นนักร้อง เป็นนักมวย เป็นดารา
ถ้าถึงจุดหมายเราก็จะรู้สึกว่า 
โลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม 
ดังนั้นเราควรมีความฝันไว้ประ ดับตน 
เพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจ "

" มาถึงไอ้ตัวที่สอง 
จะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเยียดให้เป็น 
บางครั้งก็ยัดเยียดว่าเราดีเลิศ จนเราอาย 
เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอก 
แต่เราก็ยิ้มรับ 
แต่บางครั้งไอ้ตัวที่สองนี้ก็มหาอัปลักษณ์ 
จนไม่อยากจะนึกถึง 
ซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา 
เพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่น 
มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่นยื่นให้ "

" อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉย ๆ 
เช้ามาพบศพใต้ท้องรถ ก็ต้องขับรถหนี 
ทั้งที่ศพนั้นถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วดันถลามาใต้ท้องรถ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้อ 
บางคนก็ตัดสินไปแล้วว่าเขาเป็นฆาตกร "

" สมัยที่หลวงตายังไม่ได้บวช
เคยไปส่งเพื่อนผู้หญิงที่มีผัวแล้ว 
เพราะเห็นว่าบ้านเป็นซอยเปลี่ยว 
ส่งได้สองครั้งก็เป็นเรื่องชาวบ้านซุบซิบนินทา
หาว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน 

คนที่เห็นนั้นมองคนอื่นด้วยใจที่หยาบช้า 
ไร้วิจารณญาณใจแคบ
มองคนอื่นผ่านกระจกสีดำแห่งใจตัวเอง 
คนเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในสังคม 

เจ้าต้องจำไว้นะ... 
ทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี 
ก็เท่ากับเราประจานความมืดดำในใจตัวเองออกมา 
เห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตัวเองว่าอย่าทำ 
อย่าเลียนแบบ นั่นแหละวิถีของนักปราชญ์ 
ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทาเรียกว่าวิถีของคนพาล "

" แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครับ 
ในเมื่อเราต้องเจอคนเหล่านั้นเรื่อย ๆ " 

ลูกศิษย์หยุดร้องไห้แล้วเริ่มสนทนาโต้ตอบหลวงตา

 " เจ้าต้องทำความเข้าใจจิตใจมนุษย์ 
เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้ 
เราห้ามใจใครไม่ได้ 
สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น 
แต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เรา 
เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ 
เพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง 
ใจเราควรสงบนิ่ง ... ยังไม่ต้องชำระ
ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอก
ให้ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่ 
เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสาร 
มีเวลามองคนอื่น แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง 

จงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม "

" เข้าใจครับหลวงตา "😊

~ธรรมทาน~

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...