31 พฤษภาคม 2563

ความสัมพันธ์ของสามเณรน้อย(อดีตชาติสมเด็จพระเจ้าตากสิน) กับหลวงพ่อทวด

ปริศนา..ดอกมณฑาทิพย์(ดอกไม้แห่งสรวงสวรรค์)
ในสมัยสมเด็จเจ้าพะโคะ พำนักอยู่วัดพะโคะครั้งนั้น ยังมีสามเณรน้อยรูปหนึ่ง เข้าใจว่า คงอาศัยอยู่วัดใดวัดหนึ่งในท้องที่อำเภอหาดใหญ่ เวลานี้สามเณรรูปนี้ ได้บวชมาตั้งแต่อายุน้อยๆ ได้ปฏิบัติธรรมเจริญกรรมฐานอย่างเคร่งครัด มีความขยันหมั่นเพียร ก่อแต่การกุศลในพระพุทธศาสนา ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า............" อยากจะขอ พบพระศรีอริยะอย่างแรงกล้า"................
...อยู่มาคืนวันหนึ่ง มีคนแก่ถือดอกไม้เดินเข้ามาหา ประเคนดอกไม้ส่งให้แล้วบอกว่า นี่เป็นดอกไม้ทิพย์ ไม่รู้จักร่วงโรย พระศรีอริยะโพธิสัตว์นั้น ขณะนี้ได้จุติลงมาเกิดในเมืองมนุษย์เพื่อโปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา สามเณรเจ้าจงถือดอกไม้ทิพย์นี้ ออกค้นหาเถิด หากผู้ใดรู้จักกำเนิดของดอกไม้นี้แล้ว ผู้นั้นแหละเป็นพระศรีอริยที่จุติมา เจ้าจงพยายามเที่ยวค้นหาคงพบ กล่าวจบแล้วคนแก่นั้นก็อันตรธานไปทันที
...สามเณรน้อยมีความปีติยินดีเป็นยิ่งนัก วันรุ่งเช้าจึงกราบลาสมภารเจ้าอาวาส แล้วถือดอกไม้ทิพย์เดินออก
จากวัดไป สามเณรเดินทางตรากตรำลำบากไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ก็ไม่มีใครทักถามถึงดอกไม้ทิพย์ที่ตนถืออยู่ ในมือนั้นเลย แต่สามเณรก็พยายามอดทนต่อความเหนื่อยยาก ต้องตากแดดกรำฝนไปเป็นเวลาช้านาน
...วันหนึ่งต่อมา สามเณรน้อยเดินทางเข้าเขตวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ ในเวลาใกล้จะมืดค่ำ เป็นวันขึ้น 15 ค่ำวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง ส่องรัศมีจ้าไปทั่วท้องฟ้าและเป็นวันที่พระภิกษุลงทำสังฆกรรม ฟังสวดปาฏิโมกข์ในโบสถ์ สามเณรถือดอกไม้ทิพย์เดินเข้าไปอยู่ใกล้ๆริมประตูโบสถ์ รอคอยพระสงฆ์ที่จะมาลงอุโบสถ์
...พอถึงเวลาพระภิกษุทั้งหลายก็เดินทยอยกันเข้าโบสถ์ผ่านหน้าสามเณรไปจนหมด ไม่มีพระภิกษุองค์ใดทักถามสามเณรเลย เมื่อพระสงฆ์เข้าไปนั่งในโบสถ์เรียบร้อยแล้ว สามเณรจึงเดินเข้าไปนมัสการถามพระสงฆ์เหล่านั้นว่า วันนี้พระมาลงอุโบสถทุกองค์แล้วหรือ?
...พระภิกษุตอบว่า ยังมีสมเด็จอยู่อีกองค์ วันนี้ไม่มาลงอุโบสถ สามเณรทราบดังนั้นก็กราบลาพระสงฆ์เหล่านั้นเดินออกจากโบสถ์ มุ่งตรงไปยังกุฏิของสมเด็จเจ้าทันที
...ครั้นถึง สามเณรก็คลานเข้าไปใกล้ ก้มกราบนมัสการอยู่ตรงหน้าสมเด็จเจ้าพะโคะ ท่านได้เห็นดอกไม้ทิพย์ในมือสามเณรถืออยู่ จึงถามว่า สามเณร! นั่นดอกมณฑาทิพย์ เป็นดอกไม้เมืองสวรรค์ ผู้ใดให้เจ้ามา?
...สามเณรได้ฟังดังนั้น พลันก็รู้แจ้งแก่ใจ ตามนิมิตที่คนแก่บอกว่า หากผู้ใดรู้จักกำเนิดของดอกไม้นี้แล้ว ผู้นั้น
แหละเป็น "องค์พระศรีอริยะ" ที่จุติมาเกิดในเมืองมนุษย์ เพื่อโปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา!! สามเณรเกิดอาการขนพองสยองเกล้า มีโสมนัสปสันนาการปีติยิ่งนักหนา จึงคลานเข้าไปก้มลงกราบที่ฝ่าเท้า แล้วประเคนถวายดอกไม้ทิพย์นั้นแก่สมเด็จเจ้าพะโคะทันที
...เมื่อสมเด็จเจ้าพะโคะรับประเคนดอกไม้ทิพย์จากสามเณรน้อยแล้ว ท่านได้สงบอารมณ์อยู่ชั่วครู่ มิได้พูดจาประการใด แล้วลุกขึ้นเรียกสามเณรให้ตามท่านเข้าไปในกุฏิ ปิดประตูลงกลอน และได้เงียบหายไปอย่างลึกลับในคืนนั้น มิได้มีร่องรอยแต่อย่างใดเหลือไว้ให้พิสูจน์เลย จนเวลาล่วงเลยมาถึงบัดนี้ ประมาณสามร้อยปีแล้ว!
...การหายตัวไปของสมเด็จเจ้าพะโคะครั้งนั้น ประชาชนเล่าลือว่า ท่านได้สำเร็จญาณไปสู่สรวงสวรรค์เสียแล้ว
ด้วยอำนาจบุญญาบารมีอภินิหารท่านแรงกล้า
...ตามที่ได้กล่าวเล่าลือกันเช่นนี้ เพราะมีเหตุอัศจรรย์ ปรากฏขึ้นในคืนวันนั้นว่า บนอากาศบริเวณหน้าวัดพะโคะได้มีดวงไฟโตขนาดเท่าดวงไต้(คบไต้) ส่องรัศมีสีต่างๆเป็นปริมณฑลดังพระจันทร์ทรงกลด ลอยวนเวียนบริเวณรอบวัดพะโคะ ส่องรัศมีจ้าไปทั่วบริเวณวั
...เมื่อดวงไฟนั้นลอยวนเวียนอยู่ครบสามรอบแล้ว จึงลอยเคลื่อนไปทางทิศอาคเนย์ เงียบหายมาจนกระทั่งบัดนี้วันรุ่งขึ้น ประชาชนมาประชุมกันที่วัด ต่างคนต่างก็เข้าใจว่า สมเด็จเจ้าพะโคะท่านสำเร็จญาณสู่สวรรค์ไป จึงได้พากันพนมมือขึ้นเหนือศรีษะ พร้อมกับเปล่งเสียงว่า สมเด็จเจ้าพะโคะโล่ หายไปเสียแล้วเจ้าข้าเอย

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...