#สำหรับพระลูกชายนายช่างทอง พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ช่วยด้านจิตใจ แต่ก็ช่วยในสิ่งที่เนื่องด้วยใจภายนอกนั่นก็คือ เมื่อพระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า เธอเล่นฌาน ๔ กำลังเพลิน
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ทรงเนรมิตดอกบัวทองคำที่มีสีสวยสดงดงามนั้นให้กลายเป็นดอกบัวที่มีสีเศร้าหมอง เมื่อพระลูกชายนายช่างทองลืมตาขึ้นมาดูดอกบัว เห็นสีเคร้าหมองใจ ก็แปลก
ใจว่าเมื่อสักครู่นี้สียังสวยอยู่ เอ. ทำไมสีดอกบัวจึงเศร้าหมองไปอย่างนี้ เศร้าลงไปมาก
#ก็เลยมาคิดเทียบในใจว่า โอหนอ..จิตใจเรานี้ก็เหมือนกัน ร่างกายของเราก็เหมือนกัน เดิมทีเรามีความกระปรี้กระเปร่า สวยสดงดงาม มีความเปล่งปลั่ง อวัยวะสมบูรณ์ ต่อไป
ถ้าความแก่เฒ่าปรากฏ มันก็จะเศร้าเหมือนดอกบัวนี้ เธอก็หลับตา แล้วก็นั่งนึกถึงภาพของดอกบัวเศร้าหมอง และคิดถึงว่าร่างกายเราแก่ไปๆ ทุกวันๆ มันจะต้องเศร้าหมองแบบนี้
#พอใจสบายดีหวังว่าจะเลิก พอลืมตาดูอีกที ตอนนี้องค์สมเด็จพระชินศรีเนรมิต
ให้กลีบดอกบัวหล่นลงไปเสียแล้ว เหลือแต่ฝัก ยิ่งเศร้าหมองใหญ่ ใกล้จะหัก เหี่ยวแห้งลงไปมาก เธอก็มาเปรียบเทียบกับตัวเอง เพราะเวลานั้นจิตเป็นฌาน ๔ #ปัญญาย่อมเกิดด้วยอำนาจของสมาธิ มีความเห็นว่า ร่างกายของเราต่อไปนี้ มันจะทรุดโทรมเหี่ยวแห้งลงไปเหมือนกับคนแก่ที่เราเคยเห็น มีหนังหุ้มกระดูก มีหลังค้อมลง
#เหมือนกับดอกบัวที่เหลือแต่ฝัก เกสร กลีบหล่นหมด ค้อมลงไปใกล้จะหัก คิด
ปลงจิตสังขารของตน ว่าร่างกายสภาพของเรามีอย่างนี้แน่นอน ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงไปได้ มันจะต้องไม่สวยสดงดงามอย่างนี้เสมอไป ไม่หนุ่มเสมอไป มันคลานเข้าไปหาความแก่ คลานเข้าไปหาความร่วงโรยเหมือนกับดอกบัวนี้เป็นธรรมดา จิตใจสบาย ลืมตามาว่าจะเลิก
#ตอนนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเนรมิตดอกบัวดอกนั้นให้หักไปกับพื้นปฐพี เธอมองดูดอกบัวนี้ บอก เอ้อ...อกบัวนี้เป็นดอกบัวทองคำ แข็งแรง ในที่สุดก็มีสภาพเป็นอย่างนี้ หักเรี่ยราย กระจัดกระจาย ไม่เป็นชิ้นดี ในที่สุดก็จะถมลงไปในพื้นปฐทพีเป็นแผ่นดินไปหมด จึงกลับเข้ามาคิดถึงชีวิตของตนว่า เราเองก็มีความเป็นเช่นนั้น
#ที่องค์สมเด็จพระภควันต์ทรงสอนว่า #อนิจจัง #ร่างกายเป็นของไม่เที่ยง
#ทุกขังร่างกายมีสภาพเป็นทุกข์ #อนัตตา #ในที่สุดมันก็ต้องสลายตน
#ที่องค์สมเด็จพระทศพลตรัสว่า
#อัตภาพร่างกายคือขันธ์ ๕ มัน
#ไม่ใช่เรา #ไม่ใช่ของเรา #นี่เป็นของจริง ในที่สุดร่างกายก็ต้องสลาย
ตัวไปแบบนี้ ถ้าเรายังจะยึดถือร่างกายว่าเป็นเรา เป็นของเราต่อไป คิดว่ามันมีความดี ในที่สุดความทุกข์ประเภทนี้ก็จะปรากฏ เมื่อกาลสมัยเข้ามาถึงตายแล้ว ถ้าเราเกิด ก็ต้องวนมาเกิดเป็นเด็ก มาเป็นคนหนุ่มคนสาว และก็มาเป็นคนแก่ และก็มาเป็นคนตาย
#อาการอย่างนี้มันจะหาที่สุดไม่ได้ การเกิดแต่ละคราวก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่มีปัจจัยใดที่เป็นเหตุแห่งความสุข ในเมื่อมันเป็นความทุกข์ มันไม่เป็นความสุข เราจะยึด จะถือ จะเกาะมันไว้เพื่อประโยชน์อันใด ท่านพิจารณาไปในเรื่องนี้ ในที่สุดจิตก็พ้นจากอาสวกิเลส ตัด
ก็เลสเป็นสมุจเฉทปทาน เป็นอรหันต์ในขณะนั้น
#นี้ขอถวายพระพรพระมหาบพิตร #พระราชสมภาร #การที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงสอนให้คนที่มีโทสะจริตใช้กสิณ ๔ ประการ อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นเครื่องประหัดประหารโทสะ และในที่สุดก็ได้สำเร็จอรหัตผลอย่างนี้มีอยู่มาก ฉะนั้นการที่พระมหาบพิตรจะพิจารณาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค เป็นการทำลายกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหาน ก็ต้องใช้ราชจริยาพิจารณาว่า อาการที่จะต้องใช้อารมณ์จิตว่า เวลานี้จิตต้องการทรงตัว หรือว่าจิตต้องการคิด ถ้าจิตต้องการคิด ก็ต้องใช้กรรมฐานที่มีอารมณ์คิด ที่เป็นข้าศึกกับโทสะจริต นั่นคือพรหมวิหาร ๔ ถ้าหากว่าจิตต้องการอารมณ์ทรงตัว ก็ใช้กรรมฐานคือกสิณ ๔ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามพระราชอัธยาศัยที่เห็นว่าสมควร
ที่มา
🖊️📖หนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง ๑๙ หน้าที่๑๑๐~๑๑๒
🙏🙏พระธรรมคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง)
ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
🖊️นภา อิน🙏🙏😊😊🌺🌺🌿🌿
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น