ถ้าเราเจริญสมาธิจิต จิตเราบกพร่องในนิวรณ์ ๕ ข้อไหนบ้าง นิวรณ์ ๕ นี่นะ ไอ้นิวรณ์ ๕ นี่อย่าลืมนะ ถ้าเราพูดตามภาษาไทยชัดๆ ก็หมายถึงจิตที่เลว อารมณ์จิตที่เลว เลวแล้วไปไหน มีอย่างเดียวคือลงนรกนะ ไม่เลวเฉยๆ เลวเฉยๆ นี่ไม่เป็นไร อารมณ์ของนิวรณ์ ๕ มีตัวที่หนึ่ง กามฉันทะ ไอ้ข้อหนึ่งนี่มันมี ๕
🌿๑.พอใจในรูปสวย รูปคน รูปสัตว์ รูปวัตถุ รูปสีสันวรรณะ
🌿๒.พอใจในเสียงเพราะ
🌿๓.พอใจในกลิ่นหอม
🌿๔.พอใจในรสอร่อย
🌿๕.พอใจในอารมณ์สัมผัสระหว่างเพศ
นี่เป็นข้อหนึ่งเป็นอารมณ์เลว แล้วก็สอง ความโกรธ ความพยาบาท ไอ้ความพยาบาทนี่นะคือมันจะขังโกรธ ด่าแก้มือน่ะ ด่าชดเชยจะมุ่งทำร้าย จะหาทางกลั่นแกล้ง ตัวนี้เขาเรียกพยาบาท อารมณ์แรกมันโกรธ อารมณ์โกรธที่ขังอยู่หวังที่จะทำร้ายเขา อยากกลั่นแกล้งเขาให้ลำบาก อารมณ์นี้เขาเรียกพยาบาท อารมณ์อย่างนี้มันมีอยู่ไหมในจิตเราวันนี้
แล้วก็สาม ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ถ้าถามขณะนี้สร้างความดี คือจิตน้อมเป็นกุศล กำลังนึกถึงความเป็นกุศล มีความง่วงเข้ามาครอบงำ มีไหม ข้อสี่ อุทธัจจกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่าน ภาวนาพุทโธ พุทโธ พุทโธ เอ๊ะ..ประเดี๋ยวหน้าเจ้าหนี้โผล่ เอ๊ะ..เจ้าหนี้นี่หว่า นี่มาแล้ว ไอ้นี่ก็ฟุ้ง แต่ว่าภาวนาหรือยังไงก็ตาม หรือว่าพิจารณาไป เห็นอะไรเข้ามาแทรก
เรื่องโน้นเรื่องนี้เข้ามาแทรก นี่เขาเรียกอุทธัจจะ ความฟุ้งซ่านและรำคาญใจ และอีกประการหนึ่งก็มีความรำคาญในอารมณ์ รำคาญในเสียง ภาวนาไปพิจารณาไปแล้วรำคาญใจ ไอ้ตัวนี้ก็เป็นตัวตัดความดีเหมือนกัน แล้วก็ตัวที่ห้า วิจิกิจฉา สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้าว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าที่เราปฏิบัตินี่มันถึงไหน มันแน่หรือไม่แน่ มันดีหรือไม่ดี มันถึงหรือไม่ถึง ทำได้หรือไม่ได้
บางทีทั้งที่ครูบาอาจารย์เขาสอนไปแล้วก็ยังนั่งสงสัยไปเอง ถ้าอย่างนี้ ถ้าห้าอย่างนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้ามีในอารมณ์ของจิต จิตของเราจะเข้าถึงสมาธิไม่ได้ นี่เรื่องสมาธินะ ถ้าหากว่าทางด้านศีลนี่เขาไม่ถือตัวนี้ ทางด้านศีลไม่ถือตัวนี้เป็นสำคัญ ทางด้านสมาธิต้องถือ ๕ ตัวนี้เป็นสำคัญ ถ้า ๕ ตัวนี้ตัวใดตัวหนึ่งเข้ามาอยู่ในจิตในขณะที่จิตใช้กำลังสมาธิก็ดี วิปัสสนาญาณก็ดี
อารมณ์ความดีของสมาธิหรือวิปัสสนาญาณจะเข้าไม่ถึงจิตเลย เพราะตัวนี้มันขวาง ฉะนั้นนะ ขณะที่เราภาวนาพิจารณาต่างๆ นี่ยังต้องฝึกอารมณ์
🚩🚩นิวรณ์ทำให้ปัญญาถอยหลัง
นิวรณ์นี่สมเด็จพระมหาสมณเจ้าแปลว่า เป็นคุณชาติกั้นความดี คือเป็นอารมณ์กั้นความดี แต่ว่าพระพุทธเจ้าแปลว่า เป็นกิเลสหยาบที่ทำให้ปัญญาถอยหลัง ซวยเลย หนักมาก ไอ้กั้นความดี ความดีอยู่ตรงนี้โยม กั้นไม่ให้เข้าประตู อยู่ที่ประตู พระพุทธเจ้าแปลว่า ทำปัญญาให้ถอยหลัง ไอ้ตัวนี้มันอยู่ไกลเลย ไม่ใช่อยู่ใกล้ประตู ใช่ไหม
นิวรณ์ ๕ ประการจึงเป็นกิเลสร้ายที่สุดเวลาเจริญกรรมฐาน เอาเฉพาะเวลาเจริญกรรมฐาน จะมีไม่ได้แม้แต่ข้อใดข้อหนึ่ง เฉพาะเวลานะ เลิกแล้วเป็นของธรรมดา แต่วิธีที่ดีที่จะละนิวรณ์คือ ไม่นึกถึงอารมณ์ของนิวรณ์ทั้ง ๕ ประการ เวลาทำกรรมฐานอย่าไปนึกถึงมัน
ที่มา
🖊️📖จากหนังสือทางสายเอก
🙏🙏คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น