ของดี คนดีจึงชอบ แต่คนชั่วไม่ชอบ ของต่ำคนชั่วชอบ ของสูงคนดีชอบแต่มีได้น้อย ดังที่เคยพูดให้ฟัง เป็นคติได้ดีนะ พระพุทธเจ้ารับสั่งว่า ผู้ที่จะไปสวรรค์ นิพพาน กับผู้ที่จะลงทางนรก ทางไหนมากกว่ากัน โห น่าฟังนะเป็นคติได้เป็นอย่างดี แล้วฝังลึกด้วยนะ
.
พระพุทธเจ้าก็รับสั่งเทียบทันทีเลยว่า.ผู้ที่จะไปสวรรค์ ไปทางดีได้ ไปสวรรค์นิพพานได้นี้เทียบกับเขาโค แต่ผู้ที่จะหมุนลงในนรกนั้นเหมือนขนโค ในโคตัวหนึ่งมีขนเท่าไร และมีเขาเท่าไร มีสองเขา ใครเห็นโคสามเขาสี่เขาไหม ไม่มี มีสองเขา แต่ขนมันเต็มตัวเลยโค คือจิตใจลงมันใฝ่ต่ำมันมาก เราดูตัวของเรานี้ เวลายังไม่ได้อบรมจิตใจนี้มีแต่เรื่องต่ำทั้งนั้น ๆ ๆ เต็มเนื้อเต็มตัวรอบตัว เท่ากับขนโค ที่จะแย็บไปทางความดีนี้อย่างมากเขาโคพ้นมาแค่นี้ มันไม่ได้พ้นเต็มที่นะ นั่นแหละเราดูเราเสียก่อน ความคิดความเห็นภายในจิตใจของเรา มันมีแต่ความคิดประเภทขนโคทั้งนั้น ไปทางต่ำ ๆ ความคิด ความคิดจะไปทางดีงามเหมือนเขาโค มีน้อยมาก ๆ เบื้องต้นเป็นอย่างนั้นด้วยกัน
.
ในเราคนหนึ่ง ๆ ก็เรียกว่าขนโคเต็มตัว เขาโคแทบว่าไม่มี โคบางตัวเป็นโคหัวโล้น โห มึงจนขนาดนั้นเชียวเหรอ เราพูดเป็นธรรม ไปเห็นโคพูดด้วยความสงสาร รักมันนะ คือเทียบกับธรรมะ โห ท่านบอกว่าโคมีสองเขา มึงไม่มีเลย มึงเป็นโคหัวโล้น มึงยังจนกว่าเขาอีกเหรอ เราว่า ประเภทปทปรมะมันมี เทียบกันเข้าเลย ประเภทปทปรมะเรียกว่าไม่มีเขาโคเลย เป็นโคหัวโล้นเขาไม่มี แต่ขนมันเต็มตัว โคหัวโล้นขนเต็มตัว เขาไม่มี
.
ทีนี้แยกออกไป โลกนี้คนจำนวนมาก นี่เทียบกับขนโคกันทั้งนั้น เขาโคมีนิด ๆ อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงท้อพระทัยเวลาจะสั่งสอนสัตว์โลก คือมันมีตั้งแต่ขนโคทั้งนั้นไม่มีเขาโค อันนี้จิตใจเราเบื้องต้นก็มีแต่ขนโค เวลาได้รับการศึกษาอบรมเข้า จิตใจได้ยินได้ฟังอรรถธรรมค่อยแทรกเข้าไปๆ ต่อไปก็ปรากฏเป็นเขาโคขึ้นมา ทีแรกมันเป็นโคหัวโล้นเสียก่อน โคหัวโล้นไม่มีเขา ค่อยอบรมไปๆ เขาโคก็ค่อยอ้วนขึ้นๆ สูงขึ้นเด่นขึ้น จิตใจของเราได้รับการอบรมทางอรรถธรรมก็สง่าขึ้นมา นี่เทียบกับเขาโค คือความดีนี้เท่ากับเขาโค มีมากมีน้อยค่อยสง่าขึ้นมาในนั้น อบรมไปๆ เอาจนกระทั่ง เอาเลยที่นี่ ตั้งแต่พื้นๆ ที่อบรมมันเป็นอย่างนั้นๆ ทีนี้อบรมไม่หยุดไม่ถอย ขัดเกลาเข้าเรื่อย บำรุงรักษาเรื่อย ค่อยผ่องค่อยใสขึ้นมาจิตใจเรา ค่อยสง่าขึ้นมาในท่ามกลางขนโค ขนโคนั้นจะลดน้อยลงไป
.
พอเขาโคงอกเงยขึ้น สง่างามขึ้น ขนโคเริ่มลดลงไป ความคิดต่างๆ ที่ไม่ดีทั้งหลายค่อยลดลงๆ เขาโคเป็นน้ำสะอาดชะล้างไปเรื่อยๆ ได้รับการบำรุงอรรถธรรมเท่าไรยิ่งสง่างามขึ้นมาๆ เรื่อยภายในใจ เมื่อสง่างามก็ยิ่งเห็นได้ชัด จิตใจเราที่นี่ค่อยหมุนเข้ามาหาเขาโค ขนโคค่อยหลุดร่วงไปๆ เขาโคสง่างามขึ้น เขาโคเลยกลายไปเป็นขนโค คือสง่างามกระจายทั่วไปหมด ขนโคพังลงๆ เขาโคเลยกลายเป็นขนโคไป คือกระจายออกไปสง่างามรอบใจ รอบกาย วาจา ความประพฤติหน้าที่การงานสะอาดไปตาม กลายเป็นเขาโคไปๆ
.
เวลาพูดถึงธรรมะขั้นสูงก็ยิ่งสง่าขึ้นเรื่อยๆ ขนโคนี้หลุดร่วงลงไป ๆ เขาโคสง่าขึ้นเรื่อย เขาโคกระจายไปเป็นขนโคละที่นี่ แต่ก่อนมันเป็นขนโครอบตัว ต่อมานี้เขาโคกระจายเป็นขนโค ขนโคพังลงไป เขาโคกระจายเป็นขนแทน ขนอันนี้เป็นขนศีลขนธรรม ขนมรรคขนผล นิพพาน แล้วกระจายไปทั่วรอบใจรอบตัว มันกระจายของมันออกไป จิตดวงนั้นเลยสง่างามตลอดเลย มองหาขนบางลงๆ แทบไม่มีๆ ฟาดจนขนหมด มีแต่เขาสง่าประดับหมดตัวโค กลายเป็นทองทั้งแท่งขึ้นมาในใจดวงนั้น นั่นละการฝึกหัดอบรม หากฝึกหัดอบรมไม่ได้ พลิกแพลงเปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ได้ พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์จะไม่มีในโลก เพราะมีขึ้นมาก็เพื่อสั่งสอนสัตว์โลกนั้นแหละ พระองค์ใดตรัสรู้ขึ้นมารื้อขนสัตว์โลกขึ้นสู่ความดีงาม มรรคผลนิพพาน มากทีเดียวนะ ไม่ใช่น้อยๆ
.
นี่เราพูดถึงขนโค ให้ไปเทียบเจ้าของ แก้เจ้าของ ค่อยปัดขนโคออกเรื่อยนะ บำรุงรักษาเขาโคให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จะสง่างาม ทีนี้เมื่อเวลาเขาโคถึงขั้นพอตัว เลิศเลอ ดังพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านแล้ว เลยเป็นทองทั้งแท่งไปหมด โคตัวนั้นไม่ว่าเขาว่าหาง อวัยวะทุกสัดทุกส่วนเป็นทองทั้งแท่งไปหมดเลย นี่คือจิตพระอรหันต์ จิตพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้น แต่ก่อนก็อย่างที่เราว่า พอถูกขัดถูกเกลาไปเรื่อยๆ เลยกลายเป็นเขาโคทั้งตัวสง่างามไปเลย
.........................................................
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖
"อายตนะนิพพาน"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น