คาถารวมจิต
อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง
เวลาที่เจริญพระกรรมฐานในคืนวันที่ ๒๔ กรกฏาคม ๒๕๐๖ เวลา ๒๐.๓๐ น. องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มาโปรดเมตตาบอก ท่านบอกว่าให้ทำให้แจ้งด้วยทำทุกขณะจิตที่จิตพล่าน หมายความว่า ถ้าเวลาใดที่จิตเกิดอาการฟุ้งซ่านขึ้นมา ให้ทิ้งคำภาวนาอย่างอื่นเสียให้หมด กำหนดลมหายใจเข้าออก ว่าคาถานี้ตามสบายๆกำลังของสมาธิจะรวมตัวได้รวดเร็ว จำเข้าไว้ให้ดีก็แล้วกันนะ คาถามีว่า อิติสัมมา สัมพุทธัสสะ มะมะจิตตัง
แล้วอย่าย่องเอาคาถานี้ไปเรียกผู้หญิงเรียกผู้ชายมานะ เขาไม่มาหรอก เรียกจิตของเรา ท่านบอกว่าจิตมันพล่านนี่ไม่ใช่ เพราะผู้หญิงเข้ามายั่ว มันพล่านเพราะโรคทางกระเพาะมันกำเริบ ร่างกายถ้าหากว่ามีโรคเบียดเบียน ประสาทมันก็ไม่ทรงตัว จิตมันก็พล่านได้ จงอย่าสงสัยในตัวเอง คิดว่าไปหลงใหลใฝ่ฝันในบรรดาสตรีทั้งหลายเหล่านั้น เธอมายั่วมาเย้าเป็นจริยาของมารแต่คำว่ามารในที่นี้จงอย่าคิดว่าพวกนั้นเป็นพวกมาร ความจริงพวกนั้นเขามาตาม
หน้าที่ แต่ถ้าอารมณ์ของเราไม่ทรงตัว ก็จงคิดว่าจิตของเรานี่แหละเป็นมาร มันมีสันดานหยาบ รู้อะไรไม่ดี ทำไมจึงไปหลงใหลใฝ่ฝัน นี่ท่านว่าอย่างนั้น
คาถาพระนิพพานนิมิต
นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ นิพพานจิตตา
ท่านเขียนว่า ตอนที่ท่านกล่าวว่าเมื่อท่านเพระนิพพานนิมิต ข้าไปในพระจุฬามณีเจดียสถาน พบองค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสว่า เธอนี่ควรจะเอาจิตจับพระนิพพานได้แล้ว และควรจะถือ "นิพพานนิมิต" เป็นสำคัญ นี่ความจริงควรย้อนต้นมานิดหนึ่งตอนก่อนผมพูดเฉพาะสิ่งที่เป็นอริยสัจเห็นว่ามีความสำคัญก็เลยเล่าสู่กันฟัง ท่านบอกว่าใช้นิพพานนิมิตท่านให้ภาวนาอย่างนี้"นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ นิพพานจิตตา" ให้ภาวนาถือนิพพานเป็นอารมณ์อย่างนี้ จิตจะมีการผูกพันพระนิพพานเป็นอารมณ์มากขึ้น แล้วก็กำลังใจของเธอไม่คลาดจากนิพพาน เมื่อกำลังใจของเธอไม่คลาดจากนิพพาน เมื่อเธอตัดพุทธภูมิมาแล้วต้องการเป็นพระสาวก ความสำเร็จของเธอ จะไม่ก้าวล่วงปีนี้ไป จงกลับไปจับเอาอารมณ์นี้ให้เป็นฌานสมาบัติ ความจริงท่านวงเล็บไว้บอกว่าไม่เห็นจะยากเมื่อจำคาถามาแล้ว ในขณะนั้นก็ตั้งจิตภาวนา คือทำอารมณ์ไว้ตั้งแต่ยังไม่เอาจิตเข้าร่าง เมื่ออทิสมานกายมันยังลอยไปสู่ภพต่างๆ ก็ใช้อารมณ์เรื่อยไป จิตใจก็จับพระนิพพานเห็นภาพพระนิพพานใส แจ๋ว มีความมั่นใจว่านั่นแล้วคือพระนิพพาน อย่างไรๆ เราตายชาตินี้เราต้องไปให้ได้ เรื่องร่างกายเรื่องทรัพย์สินไม่มีความหมายกับเรา นี่เป็นอารมณ์
(ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า หน้า ๗๙)
พระพุทธคาถา
สัมมาสัมพุทธัสสะ พระอะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ
ให้สวดทุกคืนๆ ละ ๗ จบ อานุภาพของพระคาถาศัตรูจะพินาศเองเมื่อคิดประทุษร้าย จะเกิดผลในด้านมงคลทุกประการ จะสามารถเห็นได้แจ่มแจ้งด้วยญาณ เป่าให้ศิษย์ผู้เรียนทิพจักขุญาณและเรียนไปปรโลก มีญาณเครื่องเห็นแจ่มใส
ท้าวมหาราชทั้ง ๔ นำมามอบให้วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๐๙ เวลา ๙ น. ณ สำนักพระยายม ท่านพระยายมบอกให้ทราบว่าท้าวมหาราชทั้ง ๔ จะมาคุยด้วย แล้วท้าวมหาราชทั้ง ๔ ก็มา ท่านท้าวธตรฐมาก่อนแล้วท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และท้าวเวสสุวัณมาตามลำดับ ท่านเอาคาถามาให้ดูบอกว่า พระอินทร์ให้นำมาถวาย โดยกล่าวว่า พระอินทร์รับพระบัญชาจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เอามาให้ ท่านว่าคณะท่านทั้ง ๔ และเทวดาจะตามรักษาคาถานี้ให้เป็นไปตามนั้น
อานุภาพคาถามีดังนี้
ศัตรูจะพินาศไปเองเมื่อคิดประทุษร้ายจะเกิดผลในด้านมงคลทุกประการตามที่ปรารถนาจะสามารถเห็นได้แจ่มแจ้งด้วยญาณ เห็นได้ชัดเจนทุกประการ และทุกขณะที่ประสงค์จะเห็นเป่าให้ศิษย์ผู้เรียนทิพยจักขุญาณ และเรียนไปปรโลกได้ มีญาณเครื่องเห็นแจ่มใส
https://www.pageqq.com/en/content/view/page/cntth1/0-867413.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น