ถ้าทรงอารมณ์จิตได้ไม่ดี  ซ่านจริง ๆ ก็มีวิธีปฏิบัติอยู่ 2 อย่าง  ถ้าซ่านจริง ๆ บังคับไม่ไหวจริง ๆ ให้เลิกเสียอย่างหนึ่ง  อย่าฝืนทำต่อไป  จิตมันจะดิ้นรน  ถ้าจิตมันซ่านเราบังคับไม่ได้มันจะกลุ้ม  กลุ้มเกิดความกระวนกระวายปรากฏ  ความทุกข์กายไม่สบายใจปรากฏ
ดีไม่ดี...ถ้าคิดมากไปก็เลยกลายเป็นโรคเส้นประสาท  ไอ้ที่ทำกรรมฐานแล้วคลั่งขาดสติสัมปชัญญะเพราะไม่รู้จักการประมาณตัวเป็นสำคัญ  ยังมีวิธีหนึ่งถ้ามันซ่านจริง ๆ พระพุทธเจ้าให้เลิกเสีย  แล้วมีอีกวิธีหนึ่งพระพุทธเจ้าแนะนำให้ใช้การยืดหยุ่น  การยืดหยุ่นเป็นของสำคัญ  อันนี้เคยปฏิบัติมาแล้วทั้ง 2 อย่าง  มันมีผลจริง ๆ 
แต่ว่าวิธีที่ 2 นี้เป็นวิธีที่อาตมาชอบที่สุด  แต่ว่าทั้งสองอย่างนี้เป็นวิธีของพระพุทธเจ้าที่จะต้องการอย่างไหนก็ได้  วิธีที่ 2 พระพุทธเจ้าทรงแนะนำไว้ว่า  ถ้าบังคับไม่หยุดจริง ๆ มันอยากจะคิดอยากจะซ่าน  เราอย่าคิดว่าเราจะชนะมันได้เวลามันซ่านจริง ๆ บังคับไม่อยู่แน่ ๆ 
เว้นไว้แต่เพียงว่า  ถ้าเราเป็นพระอริยเจ้าแล้วขึ้นไป  ถึงอรหัตผลหรือว่าเป็นผู้ทรงฌานได้จริง ๆ ก็บังคับได้ชั่วระยะเวลา  ยามว่างเข้าเวลาปกติก็ดิ้นรนตึงตัง ๆ ถ้าเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป  มันยังไม่หมดได้แต่ตั้งอยู่ในอารมณ์ของกุศล  อกุศลไม่มี  
ถ้าถึงพระอรหันต์แล้วสบายมาก  วันทั้งวันสบาย  น้อมอยู่ในกุศลตลอดเวลา  มีแต่ความเยือกเย็นของจิต  
หวนกลับมาวิธีที่ 2 ถ้ามันซ่านจริง ๆ พระพุทธเจ้าบอกให้ปล่อยให้มันคิดไปส่งเดชเลย  เพราะบังคับไม่อยู่  มันอยากจะคิดอะไรก็เชิญคิดตามอัธยาศัย  อย่าขัดคอมัน  แต่ตั้งใจไว้ว่ามันเลิกคิดเมื่อไหร่จะเริ่มต้นกันใหม่  
วิธีนี้เป็นวิธีที่มีความสำคัญมาก  เหมือนคนที่ "บังคับม้าพยศ"  ถ้าม้ามันพยศมันยังมีกำลังอยู่  ไม่สามารถจะบังคับให้เข้าทางได้  ท่านบอกให้กอดคอถือแส้เข้าไว้  มันจะไปไหนก็ให้มันวิ่ง  ปล่อยให้มันวิ่งให้มันหมดฤทธิ์  ในเมื่อมันหมดฤทธิ์ที่มันจะวิ่งไปได้แล้ว  กำลังมันก็น้อยเราจะบังคับให้มันวิ่งไปสบาย  ไปขวา  ไปหน้า  ไปหลังก็ได้เพราะหมดแรงพยศ  
ข้อนี้อุปมาฉันใดจิตของเราก็เหมือนกัน  ถ้ามันจะฟุ้งบังคับไม่อยู่ก็เชิญมันคิดตามอัธยาศัย  ลองดูนะ...ลองดูแล้ว  ลองดูหลายครั้งเพราะว่าตอนระยะแรก ๆ คุมมันไม่อยู่เหมือนกัน  ก็เลยปล่อยให้มันคิดไปตามที่ท่านแนะนำ  มันก็ไม่เกิน 15 นาทีถึง 20 นาทีมันเลิกคิด  ปล่อยไปตามอัธยาศัย  จะเข้าบ้านเข้าช่องใครก็ช่างหัวมัน
พอมันเลิกคิด  ก็กลับมาจับอารมณ์ใหม่  คราวนี้มาจับอารมณ์เพียงวินาทีหรือ 2 วินาที  อารมณ์มันจะหยุดซ่านทันที  เพราะมันเหนื่อยอารมณ์จะดิ่งเป็นฌานนานแสนนาน  บางทีชั่วโมงหรือครึ่งชั่วโมง  มันยังไม่ถอน  อารมณ์จะเงียบจริง ๆ จะทรงเป็นสมาธิจริง ๆ
พระราชพรหมยาน,นิตยสารธัมมวิโมกข์ (2559),428,91-92
Facebook : นิตยสารธัมมวิโมกข์  วัดท่าซุง
(ภาพนี้ หลวงพ่อได้รับสมณศักดิ์พัดยศ ที่ พระสุธรรมยานเถระ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2527 หลวงพ่อให้อาจารย์ประเสริฐ เกษตรเอี่ยม ถ่ายภาพที่ตึกกลางน้ำ ชั้น 4 เพื่อนำภาพไปลงปกหนังสือแจกในงานทำบุญฉลองสมณศักดิ์)
 
   
 
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น