23 ธันวาคม 2563

ทุกข์เพราะใจ

เราทำอะไรไว้ในภพปัจจุบันนั้น สิ่งนั้นมันจะตามหนุนนำให้โยม โยมทำอะไรไปมันก็จะเป็นพินัยกรรมเป็นทายาท มันจะคอยสนองในสิ่งที่เราได้ทำไว้แล้ว นั้นก็อยากให้โยมได้เจริญความเพียรให้มากๆ ให้เข้าถึงในความเชื่อความศรัทธา โยมทำพละให้มันเต็ม..พละทั้ง ๕ น่ะ

นั่นคือมีความศรัทธาให้มาก เราสวดมนต์เราก็จะมีความตั้งใจสวดนอบน้อม มีสมาธิบ้างไม่มีสมาธิบ้างเราก็ตั้งใจสวดไป แต่ขอให้มีความศรัทธา เข้าใจมั้ยจ๊ะ 

มีความศรัทธาอย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีความเพียร มีวิริยะ มีขันติแห่งธรรม เข้าใจมั้ยจ๊ะ ถ้ามีขันติแล้วจะทำให้เรามีสติ คือระลึกรู้ที่เราทำไป..ไปเพื่ออะไร มีความปรารถนาอย่างไร มีสติมากๆมีการระลึกชอบ เราก็จะเข้าถึงสมาธิได้ เมื่อจิตเราตั้งมั่นเมื่อไหร่ปัญญามันจะเกิดทันที มันเป็นธรรมดาเป็นอัตโนมัติของจิตนี่ 

เมื่อจิตมันตั้งมั่น พอองค์ประกอบมันครบแล้วในธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม รวมขันธ์เป็นหนึ่ง มันก็จะมีประจุระเบิดเกิดขึ้นมา ทำให้เกิดปัญญา เพราะฉะนั้นเกิดปัญญาดวงจิตมันก็มีการเกิดดับ ตั้งอยู่ ดับไปถ้าเราไม่เท่าทัน ถ้าเราเท่าทันเราจดจ่อเพ่งอยู่ในนั้น..มันก็จะสว่างมาก..สว่างมาก..สว่างมาก คือจิตมันจะละเอียดมากขึ้น..มากขึ้น 

นั้นถ้าจิตยังไม่ละเอียดเราก็พิจารณาปัญญาแบบหยาบๆไปก่อน ปัญญาแบบหยาบๆเป็นอย่างไร ก็พิจารณาภายนอกไปก่อน พิจารณาขันธ์ ๕ ไปก่อน กรรมฐาน ๕ ไปก่อน ที่เราจับต้องได้ในความไม่เที่ยง ในทุกข์ ในอนัตตาทุกขังนี้ ในเกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ..ตโจ ทันตา นขา โลมา เกศา เราพิจารณาอย่างนี้ย้อนไปย้อนมา..ให้เห็นอะไร 

เค้าให้เห็นความไม่เที่ยง อะไรที่ชื่อว่าความไม่เที่ยงนั่นคือเรียกว่าทุกข์ทั้งนั้น แล้วลองพิจารณาซิว่าทุกข์ที่ว่าแล้วมันเกิดจากที่ใด พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าให้ไปดูที่เหตุแห่งทุกข์นั้น เมื่อเห็นเหตุแห่งทุกข์นั้นแล้ว ดำริจะออกจะตัดได้..ธรรมทั้งหลายมันก็ต้องดับที่เหตุนั้น แล้วเหตุแห่งทุกข์มันเกิดที่ใดจ๊ะ..

(ลูกศิษย์ : ที่จิตเราครับ) มันเกิดที่กายเรามั้ยจ๊ะ (ลูกศิษย์ : มันเกิดที่จิตที่กายครับ) อ้าว..เมื่อเรามีกายเราก็มีจิตไปอาศัยอยู่ ถ้าจิตไม่มีที่อาศัย จิตมันจะมาเกิดได้มั้ยจ๊ะ เรามาเกิดในกองขันธ์จิตเป็นทุกข์มั้ยจ๊ะ..จิตมันก็เป็นทุกข์ ถ้าเราอยากจะออกจากทุกข์นี้ เราต้องเรียนรู้จากทุกข์ให้มาก หาเหตุให้เจอ หาเหตุเจอแล้วโยมจงดับเหตุแห่งทุกข์นั้น โยมจะไม่ทุกข์อีกต่อไป 

ทุกข์เพราะความพอใจ ทุกข์เพราะว่าเราไม่ได้ดั่งใจ นั่นแลคือสาเหตุหลักใหญ่ของมนุษย์ เข้าใจมั้ยจ๊ะ นั้นเราต้องทำยังไง..จงละความพอใจ ละความไม่พอใจ เรามีสาเหตุที่ทำให้เราโกรธ..แต่เราสามารถระงับไม่ให้โกรธได้ นั่นแหล่ะจ้ะคือยอดแห่งขันติ ยอดของสติ เข้าใจมั้ยจ๊ะ

เพราะอะไรอารมณ์ที่มายั่วเราทำให้เราเกิดขึ้น มันทำให้เกิดเพลิดเพลิน ทำให้เกิดโทสะ ทำให้เกิดโลภะเหล่านี้ การที่เราจะติดสุขมันเป็นของง่าย แต่การที่เราจะละมันเท่าทันมัน มันเป็นของยาก ส่วนมากพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของที่อริยบุคคลที่เขาจะทำได้ เข้าใจมั้ยจ๊ะ

ดังนั้นโยมยังเป็นคนธรรมดาอยู่ มันก็เป็นธรรมดาที่จะมีโลภ โกรธ หลงเป็นของธรรมดา แต่เมื่อโยมเห็นว่าเป็นของธรรมดาแล้ว แล้วทำไมเราไม่เบื่อไม่หน่ายล่ะจ๊ะถ้ามันธรรมดาจริง ทำไมเรายังเอาชนะมันไม่ได้ แสดงว่ามันไม่ธรรมดา ใช่มั้ยจ๊ะ

คนที่จะเหนือและข้ามมันไปได้ต้องเป็นบุคคลไม่ธรรมดา ถ้ายังธรรมดาอยู่ ยังกินนอนอยู่ หาความสุขสบายอยู่ แล้วจะบอกหลุดพ้น..ไม่มีทาง ไม่งั้นครูบาอาจารย์ไม่ต้องเข้าป่าเข้าเขาไปเดินธุดงค์ ธุดงควัตรนี้เป็นวัตรที่ควรกระทำเป็นกิจวัตร แสวงหาความสงบ แสวงหาความสันโดษ 

ดังนั้นเรายังเป็นมนุษย์ธรรมดาอยู่ อะไรที่เราประพฤติปฏิบัติได้ เราก็ประพฤติปฏิบัติไปตามสมควรแก่ธรรมของเรา ยิ่งเรามีโอกาสมีสถานที่อย่างนี้ฝึกจิต โดยที่ไม่มีมารเค้ามารบกวน นอกจากมารภายในตัวของเรา ก็ค่อยๆละค่อยๆกำจัดไป 

นั้นเราจะทำยังไงให้มารภายในเค้าเมตตาเอ็นดูเรา..ทำยังไง ให้เราอธิษฐานสิจ๊ะ อธิษฐานเอากายสังขารที่บิดามารดาผู้ที่ให้กำเนิดให้ลมหายใจมา ข้าพเจ้าจะขออุทิศกายสังขารนี้ มารของเราตัวแรกก็คือบิดามารดา ปู่ย่าตายายเป็นมารของเราทั้งนั้น อ้าว..เค้าเกิดมาจากเชื้อมารมั้ยจ๊ะ ดังนั้นเราต้องอธิษฐานแบบนี้ มารเค้าก็ให้คุณเรา ถ้าเราไม่มีมารพระพุทธเจ้าก็เกิดไม่ได้ ใช่มั้ยจ๊ะ 

ดังนั้นแล้ว..แต่เมื่อเรารู้ว่าเรามีมาร แต่ถ้าเรายังยึดอยู่เรายังเป็นทายาทมั้ยจ๊ะ (ลูกศิษย์ : เป็นครับ) นอกจากเราไม่ยึด แล้วคือการตอบแทน เราจะได้หมดหนี้กรรม ตอบแทนอย่างไรคือตอบแทนคุณบิดามารดา บิดามารดาทานยังไม่มีเราก็ให้ท่านมีซะ ให้ท่านรู้จักทำทาน ศีลไม่มีก็ให้ท่านรักษา ภาวนาไม่มีก็ให้ท่านอบรมบ่มจิตซะ เข้าใจมั้ยจ๊ะ 

นี่คือการตอบแทนบุญคุณบิดามารดาอันสูงสุด คือเรียกว่าให้ธรรมทาน สูงค่ากว่าทานทั้งปวง แล้วการที่โยมเอากายสังขารมาอุทิศเนี่ย..นี่ก็เป็นธรรมทานอันยิ่งใหญ่ เข้าใจมั้ยจ๊ะ ถ้าโยมจะต้องออกจากมารตัวนี้เราต้องตอบแทน เข้าใจมั้ยจ๊ะ

นั้นโยมจะบอกว่าที่ปู่ย่าตายายเรานี่ ถ้าเราไม่มีปู่ย่าตายายโยมจะมีลมหายใจ มีบิดามีมารดาของโยมมั้ยจ๊ะ (ลูกศิษย์ : ไม่มีครับ) อ้าว..แสดงว่าบิดามารดาของโยมก็จะเป็นสะพานเชื่อมต่อให้โยม ใช่มั้ยจ๊ะ นั้นอะไรก็ตามที่เค้าให้คุณประโยชน์ให้คุณกับเรา..เราควรตอบแทน ก็คือเป็นพระอรหันต์ของเรา เข้าใจมั้ยจ๊ะ

เราตอบแทนเลี้ยงดูอรหันต์..ความเป็นอรหันต์เราก็จะได้เกิดขึ้นมา เมื่อเราตอบแทนคุณบิดามารดา อานิสงส์เค้าบอกว่าบุคคลผู้นั้นหรือบุตรธิดาก็ดี เค้าบอกว่าจะไม่มีวันตกต่ำเลย นั้นถ้าเรามาเอากายสังขารมาตอบแทนคุณบิดามารดา อุทิศบุญกุศล พอเราได้ทำอะไรเราก็ไปบอกบิดามารดา เข้าใจมั้ยจ๊ะ เออ..อย่างนี้ เราได้ของดีเราก็ต้องไปให้ท่านมั่ง 

(ลูกศิษย์ : ท่านไปแล้ว) ไปแล้วเราก็ให้ได้ อุทิศได้ทั้งนั้น บุญกุศลใดที่เราสร้างแล้วเจริญแล้วในทาน ศีล ภาวนานี้ ไม่ว่าบิดามารดาตาทวด ไม่ว่าจะอยู่ในภพภูมิใดสัมปรายภพใดแล้ว จิตเค้าบอกว่าไม่มีระยะทาง เข้าใจมั้ยจ๊ะ 

พอเราระลึกถึง..ไม่มีระยะทาง แต่ตอนที่เรายังไม่ระลึกถึง..หาระยะทางไม่เจอคือไกลมาก แต่ถ้าจิตเราระลึกถึงใคร..ถึงมั้ยจ๊ะ (ลูกศิษย์ : ถึงครับ) ถ้าถึงแล้วแสดงว่าถึงแล้ว..ไม่มีระยะทาง นอกจากเราไม่ระลึกถึงนั่นเอง..คือไม่อยากไป ถ้าอยากไปไหนจิตเราไปได้ทั้งหมด เข้าใจมั้ยจ๊ะ

มูลนิธิเมืองธรรมพรหมรังสี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
โทร ๐๙๕ ๕๖๙๕๑๙๙ , ๐๘๑ ๙๒๙๓๒๒๒

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...