15 ธันวาคม 2563

ราชสมบัติของมนุษย์เป็นของเล็กน้อยเมื่อเทียบกับทิพยสุข

[ณ บุพพาราม ปราสาทของนางวิสาขามิคารมารดา นางวิสาขาได้กล่าวกับพระพุทธเจ้าว่า]

ว: วันนี้ ข้าพระองค์รักษาอุโบสถ (ถือปฏิบัติศีล)
พ: วิสาขา อุโบสถ (การถือปฏิบัติ) มี 3 แบบ โคปาลกอุโบสถ นิคัณฐอุโบสถ และอริยอุโบสถ

     โคปาลกอุโบสถ (การถือปฏิบัติแบบคนเลี้ยงโค) คือ คนเลี้ยงโคเอาโคไปคืนเจ้าของตอนเย็น แล้วก็คิดว่า วันนี้เที่ยวพาโคไปหากินที่นั่นที่โน่น พรุ่งนี้จะพาไปที่นั่นที่นี่ 
      คนรักษาอุโบสถบางคนในธรรมวินัย (ศาสนาพุทธ) นี้ก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน คือ คิดว่าวันนี้เรากินอันนี้ พรุ่งนี้เราจะกินอันนั้น มีใจไปกับความอยาก ใช้วันหมดไปด้วยความอยาก การรักษาอุโบสถอย่างนี้ ไม่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก ไม่แผ่ไพศาล

      นิคัณฐอุโบสถ (การถือปฏิบัติแบบพวกสมณะนิครนถ์) คือ มีสมณะนิครนถ์ที่สอนสาวกให้อนุเคราะห์สัตว์บางพวก แต่ทำร้ายสัตว์บางพวก สอนให้เปลื้องผ้าออกหมด ไม่ต้องคิดถึงใคร ไม่ต้องกังวลกับสิ่งใด แต่ตัวเขากลับมีพ่อแม่ บุตรภรรยา ทาสกรรมกรที่อาศัยอยู่ร่วมกัน เขาสอนคนอื่นอย่างหนึ่ง แต่กลับทำอีกอย่างหนึ่ง เข้าข่ายพูดเท็จ 
     ตกดึกเขากินอยู่ใช้สอยสิ่งที่เจ้าของบ้านไม่ได้ให้ เข้าข่ายขโมยของ อุโบสถที่รักษาอย่างนี้ ไม่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก ไม่แผ่ไพศาล

     อริยอุโบสถ (การถือปฏิบัติแบบอริยสาวกในธรรมวินัยนี้) คือ การพยายามทำจิตที่เศร้าหมองให้ผ่องแผ้ว อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ระลึกถึงตถาคตว่า เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ได้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชา (ความรู้แจ้ง) และจรณะ (ข้อปฏิบัติเพื่อถึงความรู้แจ้ง) ได้ไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกคนได้โดยไม่มีใครจะยิ่งไปกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อระลึกถึงตถาคต จิตจะผ่องใส เกิดปราโมทย์ ละอุปกิเลสได้ (กิเลสที่ทำให้จิตเศร้าหมอง)
     เปรียบเหมือนการทำศีรษะที่สกปรกให้สะอาดด้วยตะกอนน้ำผลไม้ ดินเหนียว และน้ำ บวกกับความพยายามของตน

     พยายามทำจิตที่เศร้าหมองให้ผ่องแผ้ว ด้วยการระลึกถึงพระธรรมอันตถาคตกล่าวไว้ดีแล้ว บุคคลพึงเห็นได้เอง ใช้ได้ตลอดกาล เป็นธรรมที่ควรชวนกันให้มาดู น้อมเข้าไปในตน เป็นสิ่งที่วิญญูชนพึงรู้แจ้งได้เฉพาะตัว เมื่อระลึกถึงพระธรรม จิตจะผ่องใส เกิดปราโมทย์ ละกิเลสที่ทำให้จิตเศร้าหมองได้
     เปรียบเหมือนการทำกายที่สกปรกให้สะอาดด้วยผงหินและน้ำ บวกกับความพยายามของตน

     พยายามทำจิตที่เศร้าหมองให้ผ่องแผ้ว ด้วยการระลึกถึงพระสงฆ์ สาวกของตถาคต เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติธรรม ซึ่งได้แก่ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ เป็นผู้ควรแก่การสักการะบูชา ควรแก่ของต้อนรับ ควรแก่การให้ทาน ควรแก่การกราบไหว้ เป็นเนื้อนาบุญของโลกซึ่งไม่มีที่ใดยิ่งกว่า เมื่อระลึกถึงพระสงฆ์ จิตจะผ่องใส เกิดปราโมทย์ ละกิเลสที่ทำให้จิตเศร้าหมองได้
     เปรียบเหมือนการทำแว่นที่มัวให้ขึ้นเงาด้วยน้ำมัน ขี้เถ้า และแปรง บวกกับความพยายามของตน

     พยายามทำจิตที่เศร้าหมองให้ผ่องแผ้ว ด้วยการระลึกถึงเทวดาที่มีอยู่ในชั้นต่างๆว่า เทวดาเหล่านั้นมีศรัทธา..ศีล..สุตะ (การฟังธรรม)..จาคะ (การสละ)..และปัญญาเช่นใดจึงจากภพนี้ไปเกิดในภพนั้นๆ ศรัทธา..ศีล..สุตะ..จาคะ..และปัญญาเช่นนั้นของเราก็มีอยู่พร้อมเช่นกัน เมื่อระลึกถึงศรัทธา..ศีล..สุตะ..จาคะ..และปัญญาทั้งของเทวดาและของเรา จิตจะผ่องใส เกิดปราโมทย์ ละกิเลสที่ทำให้จิตเศร้าหมองได้
     เปรียบเหมือนการทำทองที่หมองให้ผ่องด้วยเตา เกลือ ดินเหลือง หลอดเป่า และคีม บวกกับความพยายามของตน

     อริยสาวกนั้นย่อมพิจารณาเห็นด้วยตนเองว่าพระอรหันต์ทั้งหลาย
     ละจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เกื้อกูลอนุเคราะห์สรรพสัตว์ตลอดชีวิต...
     ละจากการเอาของที่เขาไม่ได้ให้ ไม่เป็นขโมย ถือเอาแต่ของที่เขาให้ สะอาดอยู่ตลอดชีวิต...
     ละจากการเสพเมถุนอันเป็นการกระทำของชาวบ้าน ถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต...
     ละจากการพูดเท็จ พูดแต่คำจริงเสมอ วาจามั่นคงน่าเชื่อถือตลอดชีวิต...
     ละจากการดื่มน้ำเมาซึ่งทำให้เกิดความประมาทตลอดชีวิต...
     งดอาหารในยามกลางคืนผิดเวลา บริโภคเพียงเวลาเดียวตลอดชีวิต...
     เว้นจากการฟ้อนรำขับร้องดนตรี ดูการละเล่น หรือการประดับแต่งกายด้วยดอกไม้เครื่องหอมทาผิวตลอดชีวิต...
     เว้นจากการนอนที่นอนสูงใหญ่ ใช้ที่นอนต่ำบนเตียงบ้าง เครื่องลาดบ้าง หญ้าบ้างตลอดชีวิต...

     วิสาขา อริยอุโบสถเป็นอย่างนี้แล อุโบสถที่รักษาอย่างนี้มีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความแผ่ไพศาล
     มากแค่ไหน
     วิสาขา เปรียบเหมือนใครคนหนึ่งที่ได้ครอบครองมหาชนบททั้ง 16 แห่ง คือ อังคะ มคธ กาสี โกศล วัชชี มัลละ เจตี วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ อัสสกะ อวันตี คันธาระ และกัมโพชะ พร้อมรัตนะ 7 อย่าง ราชสมบัติของผู้นั้นก็ยังไม่มีค่าเท่ากับอุโบสถ 8 นี่เป็นเพราะว่าราชสมบัตินั้นเป็นของมนุษย์ เป็นของเล็กน้อยซึ่งเทียบไม่ได้กับทิพยสุข
     50 ปีของมนุษย์ เท่ากับ 1 คืน 1 วันของเทวดาเหล่าจาตุมหาราชิกา โดย 500 ปีทิพย์คืออายุโดยประมาณของเทวดาจาตุมหาราชิกา...
     100 ปีของมนุษย์ เท่ากับ 1 คืน 1 วันของเทวดาเหล่าดาวดึงส์ โดย 1,000 ปีทิพย์คืออายุโดยประมาณของเทวดาเหล่าดาวดึงส์...
     200 ปีของมนุษย์ เท่ากับ 1 คืน 1 วันของเทวดาเหล่ายามา โดย 2,000 ปีทิพย์คืออายุโดยประมาณของเทวดาเหล่ายามา...
     400 ปีของมนุษย์ เท่ากับ 1 คืน 1 วันของเทวดาเหล่าดุสิต โดย 4,000 ปีทิพย์คืออายุโดยประมาณของเทวดาเหล่าดุสิต...
     800 ปีของมนุษย์ เท่ากับ 1 คืน 1 วันของเทวดาเหล่านิมมานรดี โดย 8,000 ปีทิพย์คืออายุโดยประมาณของเทวดาเหล่านิมมานรดี...
     1,600 ปีของมนุษย์ เท่ากับ 1 คืน 1 วันของเทวดาเหล่าปรนิมมิตวสวัตดี โดย 16,000 ปีทิพย์คืออายุโดยประมาณของเทวดาเหล่าปรนิมมิตวสวัตดี...

     วิสาขา มนุษย์บนโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ถ้ารักษาอุโบสถ 8 นี้แล้ว เบื้องหน้าตายไป ก็มีโอกาสไปเกิดอยู่ร่วมกับเทวดาเหล่านั้นได้ ที่ตถาคตบอกว่าราชสมบัติของมนุษย์ เป็นของเล็กน้อยเมื่อเทียบกับทิพยสุข ก็ด้วยเหตุนี้แล

_______________________________________
ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 34 (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ภาค 1 เล่ม 3 มหาวรรค อุโปสถสูตร ข้อ 510), 2559, น.388-399
 
ขอบคุณเจ้าของภาพ 
#พระพุทธเจ้าพูดอะไร

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...