21 ธันวาคม 2563

จิตทรงฌาน

  "จิตทรงฌาน" ไม่ใช่ว่านั่งสมาธิทั้งวัน ไอ้นั่นน่ะมันบ้าแล้ว ถ้านั่งสมาธิทั้งวันนี้เป็นโรคประสาทเป็นบ้าแน่

    คำว่า “สมาธิ” เขาแปลว่า ตั้งใจ ต้องทำกำลังใจเบาๆ อันดับแรกที่สุด เราจะทำงานทำการ ต้องทำทุกอย่าง งานอะไรมีขึ้นต้องทำ ไม่ใช่ทำสมาธิแล้ว “ฉันไม่ทํางาน" อันนี้ตกนรกแน่ ไม่ช้าความปรารถนาไม่สมหวังเกิดขึ้น อารมณ์มันก็ฟุ้งซ่าน มีความเดือดร้อนเกิดขึ้นมาจิตใจก็เดือดร้อน ลงนรกไปเลย อย่านึกว่ามีฌานเป็นของดี #ฌานน่ะดีแน่ #แต่ทำให้มันถูก

   คำว่า “ผู้ทรงฌาน” แปลว่า ผู้มีจิตใจปกติ จะไม่ตกเป็นทาสของนิวรณ์ อำนาจของนิวรณ์อย่างหนึ่งอย่างใดก็ตามจะไม่ให้มีอำนาจเหนือจิตใจยามว่าง ถ้าเรายังไม่เป็นอรหันต์ ย่อมมีนิวรณ์เข้ากินใจเป็นธรรมดา แต่ถ้าเวลาต้องการฌานเมื่อใด นิวรณ์จะต้องกระเด็นออกทันที ถ้ากระเด็นบ่อย ๆ ไม่ช้ามันก็ไม่เข้ามายุ่งกับใจเรา เราทำงานทำการทุกอย่างใจไม่ตกเป็นทาสของนิวรณ์

   อย่าถือว่า ทำฌานสมาบัติแล้วทำโน่นทำนี่ไม่ได้ ไอ้นั่นล่ะตัวนรก ไม่ช้ามานะมันจะเกิด และจะกินที่ไหนล่ะ... มันก็ต้องทำ ทำแล้วจิตใจไม่ตกอยู่ในอำนาจของนิวรณ์เท่านั้น พระอรหันต์ท่านนั่งนิ่งที่ไหน พระพุทธเจ้าท่านไม่นั่งนิ่ง

   ถ้าเราระงับนิวรณ์ได้จิตเป็นฌานที่ ๑ ถ้าจิตทรงปีติมันเป็นฌานที่ ๒ จิตตัดปีติออกเหลือแต่สุข จิตเป็น ฌานที่ ๓ จิตตัดสุขออกเหลือแต่ #เอกัคคตา อุเบกขา เป็น ฌานที่ ๔

    ทีนี้ เวลาทรงฌาน ไม่ใช่นั่งสมาธิทั้งวัน ทำงานอยู่คุยอยู่กับเพื่อน อ่านหนังสืออยู่ ฟังเทปฟังเทศน์ ดายหญ้าวัด ทำงานทุกอย่าง ผ่าฟืนหุงข้าวหุงปลา จิตสบาย ใจไม่มีอารมณ์เป็นอกุศลอย่างนี้เรียกว่า #จิตทรงฌาน

   การที่จะรู้ว่าจิตทรงฌาน เราจะรู้กันจริงๆ มันยาก และวิธีวัดนี่ง่าย การที่จะรู้ว่า ฌานเราทรงตัวไม่ทรงตัวอาศัย ๑ ในวิชชาสาม หรือว่า ๒ ใน วิชชาสาม นั่นคือ ทิพจักขุญาณ หรือ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ

   “ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ” ระลึกชาติได้ “พิพจักขุญาณ” อย่างเข้ม สามารถรู้เห็นพรหมเทวดาได้ อย่างนี้จุดหนึ่ง

   “กำลังมโนมยิทธิ” ที่เราฝึกได้ เราทำได้ เวลาดายหญ้า เวลาขุดดินเวลาผ่าฟืน เวลาตักน้ำ หุงข้าว ใช้มันเวลานั้นแหละ ลองใช้เวลานั้น เวลาทำอยู่เราก็ใช้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ นึกปั๊บ ไอ้งานประเภทนี้เราเคยทำมาแล้วกี่ชาติ ชาติก่อน ๆ เราเคยทำไหม ก็ดูภาพ ภาพมันจะปรากฏทันที อันนี้เรียกว่า เราชนะนิวรณ์ต้องทำอย่างนี้

   ไปเจอะหมาขี้เรื้อน ก็นึกว่า “ไอ้ภาพอย่างนี้เราเคยเป็นไหม ขอดูภาพ” ภาพจะปรากฏทันทีโดยไม่ต้องไปใช้กำลังสมาธิให้เสียเวลาแม้แต่ ๑ วินาที มันจะปรากฏกับใจ.... แหมหลายชาติ ชาติละหลายตัว เราเคยเกิดเป็นหมาขี้เรื้อนมาหลายชาติ

   เราคุยไปคุยมา นั่งดายหญ้า นั่งผ่าฟืน นึกถึงเทวดา เทวดาท่านมีความสุข ก็นึก เอ. เราเคยเป็นเทวดาหรือเปล่า ถ้าเคยเป็นขอดูภาพเทวดา เคยเป็นมากี่ชาติ ขอดูภาพเท่านั้น ขอดูวิมานที่อาศัย มันจะปรากฏตัวเราเอง และวิมานในสมัยที่เป็นเทวดา

   นี่ เขาต้องทำกันอย่างนี้ อย่างนี้ถือว่าถึง “สังฆัง สรณัง คัจฉามิ” นี่อย่างย่อ คือ ปฏิบัติมโนมยิทธิต้องทำแบบนี้ ถ้ายังต้องเข้าสมาธิ เครียด ยังใช้ไม่ได้เวลาจะตายมันไม่ทันเวลาของนรก เวลาจะตายจริง ๆ ไปนั่งขัดสมาธิได้ยังไง มันป่วยไข้ไม่สบาย ต้องใช้กำลังใจเป็นปกติ ญาณต่าง ๆ ต้องใช้ให้คล่อง คือใช้ทุกวัน ถ้าเราทิ้ง ไม่ใช้เพียงแค่ ๒ - ๓ วัน มันก็จะมีอารมณ์เฝือ

🙏🏻🙏🏻พระธรรมคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม(ท่าซุง)
ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
✍🏻📖หนังสือพ่อสอนลูก หน้าที่ ๒๔๗~๒๔๙

✍🏻นภา อิน 🙏🏻🙏🏻
ที่มา คัดลอกจาก
Facebook คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...