... พระพุทธเจ้า ผู้เป็นสัพพัญญู ทรงรู้แจ้งว่า ถ้าสตรี มาบวชเป็นบรรพชิต เรียก”ภิกษุณี “ พระธรรมวินัยจะดำรงอยู่ได้ไม่นาน จาก ๑๐๐๐ปี จักตั้งอยู่ได้เพียง ๕๐๐ ปีเท่านั้น..(ไม่ใช่กีดกัน หรือ สตรีไม่ดี แต่เป็นเพราะผลกระทบ ความปลอดภัย อันตรายที่จะเกิดต่อภิกษุณี ย่อม ทำให้สัทธรรมเสื่อมเร็ว)
.. พระมหาปชาบดีโคตรมีเถรี(น้าพระพุทธเจ้า) ขอบวชต่อพระพุทธเจ้าถึง๓ครั้ง แต่ทรงไม่อนุญาต จนกระทั่งพระอานนท์ได้ทูล โดยมีเงื่อนไขว่า พระนางปชาบดีโคตมีจะต้องรับเอาครุธรรม๘ประการ จึงบวชเป็นภิกษุณีรูปแรก
..พระพุทธองค์วางหลักเกณฑ์ ก่อนจะบวชเป็นภิกษุณี ต้องบวชเป็น "สิกขมานา" (สามเณรี) ..เมื่ออายุครบ ๑๘ ปี ถือศีล 6 ((ศีล ๕ +วิกาลโภชนา) ไม่พร่องเลย เป็นเวลา 2 ปี จนอายุครบ ๒๐ ปี จึงบวชเป็นภิกษุณี ได้
. และการบวช ต้องบวชใน สงฆ์สองฝ่าย คือ ภิกษุณีสงฆ์ ก่อน แล้วไปเข้าพิธีอุปสมบทในฝ่าย ภิกษุสงฆ์ อีกครั้งหนึ่ง จึงจะเป็นภิกษุณี *..โดยสมบูรณ์
.. พระวินัย ของภิกษุณี มี 311 ข้อ มากกว่าพระภิกษุ ศีลเพียง 227 ข้อ ถึง 84 ข้อ
· และ..ภิกษุณี ที่เป็นอุปัชฌาย์ทำการบวช ต้องมีพรรษา ๒๐ ไปแล้ว ..และเวลา ๒ ปี จะบวชภิกษุณีได้เพียง ๑ รูป เท่านั้น ทำให้ภิกษุณีขาดช่วง ไม่มีผู้สืบต่อ จึง หมดไป ..
**.แม้ทางมหายาน เช่นในจีน ไต้หวัน และอื่น ๆ.. จะยังทำการบวชภิกษุณี กันอยู่..แต่ก็ไม่ตรงตามพระธรรมวินัย..จึงยังไม่ใช่ ภิกษุณีที่สมบูรณ์.ตามพระธรรมวินัย
· เมื่อยึดหลักตามธรรมวินัย (เถรวาท) ในปัจจุบัน การบวช เป็นภิกษุณี ..*จึงไม่มีอีกแล้ว.**
... มีเพียง แม่ชี ที่โกนศีรษะนุ่งขาวห่มขาว ถือปฏิบัติศีล 8 (อุโบสถศีล) .เท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น