เราหลายๆคน มักเชื่อว่า...ยังเหลือเวลาอยู่บนโลกใบนี้ไปอีกนาน..ไว้ตอนอายุมากๆ จะทำบุญอย่างจริงจัง ตอนนี้ สนุกกับทางโลกให้เต็มที่ก่อน..
จริงแล้ว ความตาย เดินทางมาพร้อมกับเราเสมอ เพียงชั่วขณะจิต จะพรากลมหายใจเฮือกสุดท้าย พาเราเดินทางจากโลกนี้ไป..มันจะพาเราไป..โลกหลังความตาย มีทั้ง แดนอบายภูมิ แดนมนุษย์ แดนสวรรค์ แดนพรหม และ แดนนิพพาน..อยู่ที่เราแล้ว.จะกำหนดที่หมาย
..ช่วยตอบคำถามนี้ดูว่า?
* ถ้าความตาย เดินเข้ามาเคาะประตูอยู่หน้าบ้าน บอกเราว่า “คุณ เหลือเวลาเพียง ๓ วัน”
* ถ้ามหาภัยพิบัติจู่โจมฉับพลัน จนโลกสั่นสะเทือน เราจะทำอะไร มีอะไรเป็นที่พึ่ง ขณะนั้น..
*..ถ้าดวงวิญญาณมากมาย ไม่รู้ว่าตนเองตาย ลอยเพล่นพล่านรอบกาย เราป้องกันอย่างไร
....วันสุดท้ายของเรา เราต้องการ จะอยู่ท่ามกลางอ้อมกอด คนในครอบครัว ในบ้าน หรืออยู่ในโรงพยาบาล
..ถ้าเรากลับบ้าน แล้วไม่เจอพ่อแม่ สามีภรรยา ลูก อีกตลอดไป เราทำดีพอหรือยัง”
...วันสุดท้ายของเรา อยากกล่าวคำขอโทษ อยากกล่าวคำขอบคุณ อยากบอกรัก กับใครบ้าง
....สิ่งยึดเหนี่ยว ก่อนที่หัวใจจะหยุดเต้นไปตลอดกาล คืออะไร?
...เรายังติดค้าง ห่วงอะไรบ้าง ห่วงลูกหลาน สามีภรรยา ภาระอะไร ที่ยังไม่สะสาง
.. เราจะจากโลกใบนี้ไป อย่างสงบและปล่อยวางได้ไม๊
....ตอนนี้ เราสะสม โลกีย์สมบัติ และ อริยะสมบัติ เสบียงบุญ-เสบียงบาป อันไหนมากกว่ากัน
*** ดังนั้น เราต้องเป็นผู้ไม่ประมาท เร่งสะสมสมบัติที่แท้จริงก็คือบุญ สะสมปัญญา เพื่อละความไม่รู้ และความติดข้อง .ในกาย ในใจของเรา.ให้มากที่สุด
.....โดยการอบรมเจริญกุศล เจริญปัญญา จนเข้าสู่พระอริยบุคคล จึงจะเป็นหลักประกันมั่นคง ที่จะเดินทางเข้าสู่ แดนบรมสุข จงทำ..ธรรม..เสียเดี๋ยวนี้ !อย่ารอทำตอนลมหายใจสุดท้าย ...
"
***.ในทางธรรมแล้ว ถ้าเราระลึกถึงความตาย เรียก”มรณสติ” จะทำให้เราไม่ประมาท ทำให้ เข้าใจความทุกข์ เพื่อการปล่อยวางการยึดมั่น เพื่อจากโลกนี้ไปอย่างสวยงาม ไม่ทรมาน หวาดกลัว เพราะมั่นใจในบุญที่ทำ ปัญญาที่มี
... เราจะตายอย่างมีสติ และ “รู้เท่าทันความตาย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น