"....พระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีขั้น "วิริยะธิกะ" ใช้เวลา ๑๖ อสงไขย กับ แสนกัป และปารมัตถบารมีเต็มแล้วนั้น ย่อมมีบริวารที่ปรารถนาจะเป็นสาวกร่วมกัน มากมายมหาศาล และเมื่อพระโพธิสัตว์ลงมาเกิดแต่ละชาตินั้น บริวารส่วนใหญ่จะลงมาเกิดด้วย เพื่อสร้างบารมีให้เต็ม แต่จะมีบริวารอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจติดอยู่ในภพภูมิอื่นๆ หรือลงมาเกิดไม่ทัน
ดังนั้นบริวารของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จึงตกค้างวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่บริวารของสมเด็จองค์ปฐมเป็นต้นมา จนกว่าบารมีจะเต็ม หรือมีพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆไปมาโปรด และได้ตามลงมาเกิดด้วย เพื่อเร่งบำเพ็ญบารมีจนบรรลุอรหัตตผล ในพุทธกาลนั้นๆ ผู้เขียนเคยถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านว่า ท่านจะตัดตอนอยู่เก็บลูกศิษย์แค่ไหน ที่เหลือก็ฝากพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ท่านตอบว่า ...
"ฉันจะเก็บของฉันไปจนหมด ฉันจะเก็บลูกศิษย์ของฉันครบแน่ "
ท่านยืนยันว่าลูกศิษย์ของท่าน (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นห้าพัน สี่ร้อยคนเศษ) นี้ ท่านพบหมดแล้วในภพภูมิต่างๆ ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๓ และส่วนใหญ่ จะถึงนิพพานในชาตินี้ แต่ทุกคนจะถึงนิพพานหมดในชาติหน้า ท่านได้ยืนยันความรู้นี้ไว้หลายอย่างด้วยกัน กล่าวคือ ....
๑. ในการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ของวัดท่าซุง ท่านได้ให้จารึกไว้ในแผ่นทองบรรจุใต้แท่นพระประธาน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙ ว่า...
"เราพระมหาวีระ มีพระราชา นามว่าภูมิพล เป็นผู้อุปถัมภ์ ร่วมด้วยพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ สร้างวัดนี้เป็นพุทธบูชา เมื่อศักราชล่วงไปแล้ว ๒๗๐๐ ปีปลาย จะมีพระเจ้าธรรมิกราช นามว่าสิริธรรมราชา สืบเชื้อสายมาจากเชียงแสน และสุโขทัยร่วม กับพระอรหันต์ จะมาบูรณะวัดนี้สืบพระศาสนาต่อไป คณะของเราขอโมทนา แต่อยู่ช่วยไม่ได้ เพราะไปพระนิพพานหมดแล้ว
๒. เพื่อให้แน่ใจลูกหลานของท่าน มีสุขคติเป็นที่ไป ท่านได้ตั้งสัตยาธิษฐาน ฝากลูกหลานของท่านไว้กับ พระพรหม และเทพยดาทั้งหมดดังนี้
"ฉันขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีองค์สมเด็จพระจอมไตร บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นประมุข พร้อมด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหมด และพระพรหม และเทพเจ้าทั้งหมด ขอทุกท่านจงกำหนดจิต จดจำลูกหลานของฉันไว้ว่า บุคคลใดก็ตาม เมื่อเวลาจะตาย ขอให้ สติ สัมปชัญญะสมบูรณ์ มีจิตน้อมไปในกุศลกรรม และขอให้ได้รับผลที่ฉันได้ทำไปแล้วทุกประการแก่ลูกหลานของฉันทุกคน
เวลานี้ ฉันมองดูแล้วนะ ตรวจดูแล้ว สิ่งที่ฉันต้องการมันสมใจนึกแล้ว ฉันมีความอิ่มใจบอกไม่ถูก ปลื้มใจที่ความปรารถนาสมหวังที่ฉันตั้งใจไว้นาน ปรารถนาไว้นาน คิดว่าจะทำไม่ได้แต่เวลานี้ทำได้แล้ว ลูกหลานของฉันทุกคน มีศรัทธาเป็น อจล ศรัทธาแล้ว มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนาแล้ว มีความดีพอสมควรแล้ว "
ถ้าเผอิญจะมีใครสงสัยในอธิษฐานบารมีขององค์ท่าน ก็ขอบอกกล่าวให้รู้ทั่วกันว่า อธิษฐานบารมีท่านเต็มมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนชาติที่จะเกิดเป็น "พระร่วงวาจาสิทธิ์" ผู้สร้างเมืองศรีสัชนาลัยเสียอีก ท่านเคยสั่งลูกศิษย์ของท่านทุกคน ไม่ให้แช่งใคร เพราะทุกคนเป็นลูกหลานพระร่วงแช่งแล้ว จะมีผลตามนั้น การเก็บของท่านเท่าที่ทราบ มีอยู่ ๗ วิธี คือ
๑. การออกหมายเกณฑ์คือ การตั้งสัตยาธิษฐานว่า..... ถ้าผู้ใดเป็นเชื้อสายของท่าน เมื่อได้อ่านหนังสือ เล่มหนึ่งเล่มใดของท่านหรือ ได้ฟังเทป หรือฟังวิทยุที่ท่านเทศน์ หรือได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับตัวท่าน แล้วขอให้เกิดศรัทธาปสาทะ จนต้องมาหาท่าน
๒. ฝาก พระพรหม หรือเทพยดาให้ไป เข้าฝันตามตัวให้ หรือให้ไปบอกในสมาธิ
๓. ท่านไปเข้าฝันเอง ทำให้ต้องตามมาหาท่าน (มีเรื่องเล่ากันหลายเรื่องแล้ว) หรือไปสงเคราะห์ด้วยอภิญญา
๔. ตามเพื่อน ญาติพี่น้อง หรือคนรัก มาวัด หรือซอยสายลม หรือที่อื่นๆ เพื่อมากราบท่าน แล้วก็มาติดใจหลวงพ่อ
๕. แสวงหาพระดี ไปทั่วประเทศ พอมาเจอหลวงพ่อวัดท่าซุง เข้าก็เลิกแสวงหา
๖. พอเห็นท่านครั้งแรกโดยบังเอิญ ก็ติดใจทำบุญด้วยทันที โดยไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร คราวหนึ่ง ท่านขึ้นไปดอยตุง แล้วลงมาฉันก๋วยเตี๋ยวเพล อยู่ที่ร้านข้างถนน ที่อำเภอแม่สาย มีผู้หญิงอายุราว ๓๐ คนหนึ่ง เดินผ่านมาพบเข้าก็ไปซื้อลูกประคำมาถวาย ท่านก็เอาประคำคล้องคอท่านทันที (ตามปกติท่านจะไม่ค้องลูกประคำ นอกจากเพื่อเจริญศรัทธาหมู่คณะเฉพาะงาน) พวกเราก็รอท่าน ท่านก็หัวเราะแล้วบอกว่า ....
"ท่านแม่มาบอกว่า น้องรักเขาถวายของให้กำลังใจเขาหน่อย"
๗. ท่าน ตามไปเก็บเอง เมื่อเป็นลูกศิษย์ท่านแล้ว ทุกคนจะซาบซึ้งในมหากรุณาอันมหาศาลของท่านเอง โดยไม่ต้องบรรยายในที่นี้เพราะท่านทำทุกๆอย่าง เพื่อสงเคราะห์ลูกหลานท่านในทุกโอกาส....."
จากหนังสือประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(พระมหาวีระ ถาวโร) หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น