อันว่าแผนนารีพิฆาตหมายทำลายพระพุทธเจ้า ใช่มีแต่เพียง "นางจิญจมาณวิกา นางผู้ถูกรุมประชาทัณฑ์ " จนได้เปรียบเปรยกันว่านางถูกธรณีสูบ แต่ว่ามีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง แต่จุดประสงค์เพื่อมุ่งทำลายพุทธศานาให้สิ้นไปเลยทีเดียว เพราะลงมือใส่ร้ายต่อพระผู้มีพระภาคด้วย "คดีฆาตกรรม" นับว่าร้ายแรงและอื้อฉาวที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์พุทธศาสนาเลยทีเดียว
เหตุการ์เกิดขึ้นเมื่อ พระพุทธเจ้าถูกใส่ความจากเหล่านักบวชเดียรถีย์เพราะเหล่าเดียรถีย์นั้นต้องการให้เกิดความเสื่อมเสียแก่พระพุทธองค์และเหล่าพระสาวกอีก ๕๐๐ รูปที่พำนักอยู่ในวัดพระเชตวันมหาวิหารโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายพระพุทธศาสนาและหวังจะให้ชาวบ้านกลับมานับถือในลัทธิเดิมของพวกตน
เหล่าเดียรถีย์จึงได้ว่าจ้างให้นางสุนทริกาซึ่งปลอมตัวเป็นนักบวชหญิง ทำท่าทางว่าไปค้างคืนกับพระพุทธองค์มาเพื่อทำให้ใครต่อใครหลงเข้าใจผิด ในเวลารุ่งเช้านางสุนทริกาก็ทำท่าโผเผออกมาจากวัดพระเชตวัน และจงใจให้มีผู้พบเห็นพอเวลาผ่านไปก็มีคนเริ่มกล่าวกันถึงเรื่องนี้อย่างกว้างขวางและเริ่มเกิดความแคลงใจในตัวของพระพุทธองค์
พวกเดียรถีย์เหล่านั้นต้องการทำลายชื่อเสียงของพระพุทธองค์และจะทำลายพระพุทธศาสนาให้สิ้นซาก จึงจ้างนักเลงไปทำการสังหารนางสุนทริกาเสีย แล้วสร้างเรื่องขึ้นมาว่านางสุนทริกา ถูกฆ่าปิดปากโดยเป็นคำสั่งของพระพุทธองค์และเหล่าสาวก ทำให้ผู้คนทั้งหลายเริ่มสงสัยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นความจริง
เหตุการณ์ครั้งนี้ร้อนไปถึงกษัตริย์ผู้ครองเมือง ทำให้พระเจ้าปเสนทิโกศลพระราชาผู้ครองเมืองสาวัตถี ต้องส่งราชบุรุษออกไปสืบหาความจริงไปดูตามร้านขายสุราต่าง ๆเพื่อค้นหาต้นตอของเรื่องทั้งหมด ในที่สุดก็สามารถจับนักเลงที่สังหารนางสุนทริกากับเหล่าเดียรถีย์ที่จ้างมาฆ่านางและพยายามใส่ความพระพุทธองค์มาสอบปากคำ หลังจากนั้นก็ทำการลงโทษทั้งหมดได้เป็นผลสำเร็จ
มูลเหตุแห่งเคราะห์กรรมของพระพุทธองค์และเหล่าสาวกทั้ง ๕๐๐ รูปนั้นมีมูลเหตุในอดีตอยู่ ๒ เหตุการณ์ที่ทำให้เหล่าเดียรถีย์ผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวรตามมารังควานในชาติสุดท้ายมีดังต่อไปนี้
มูลเหตุแรก คือในอดีตชาติหนึ่งพระพุทธองค์เคยเกิดเป็นนักเลงมีชื่อว่า “ปุนาลี” ได้กล่าวใส่ความเท็จต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้แล้วปลีกออกไปอยู่วิเวกไม่ได้ออกเผยแผ่ธรรม) มีพระนามว่า “สุรภี” ด้วยผลแห่งกรรมนั้นทำให้ปุนาลีหลังจากตายไปแล้วก็ต้องไป ท่องนรกอยู่เป็นเวลานาน ด้วยเศษกรรมที่เหลือมาถึงในภพชาติสุดท้าย พระพุทธองค์จึงถูกใส่ความเพราะเหตุแห่งนางสุนทริกาเช่นเดียวกัน
มูลเหตุที่สอง ที่ทำให้เหล่าพระสาวกอีก ๕๐๐ รูปโดนกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นในการเสียชีวิตของนางสุนทริกา เป็นเพราะว่า ในอีกอดีตชาติหนึ่งพระพุทธองค์ได้เกิดเป็นพราหมณ์ผู้มีความรู้ มีผู้เคารพสักการะมากมาย มีนามว่า “สุตวา” ได้สั่งสอนศิษย์จำนวนกว่า ๕๐๐ ตนอยู่ในป่า
ครั้งหนึ่งสุตวาได้เห็นฤษีผู้ทรงอภิญญา ๕ (มีอิทธิฤทธิ์ในโลกีย์อภิญญา คือ เหาะได้ หายตัวได้ มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ระลึกชาติและอ่านใจคนได้) จึงเกิดความกลัวและเกรงในอำนาจของฤษีขึ้น จึงได้กล่าวใส่ความฤษีผู้นั้นหาว่าฤษีผู้นี้เป็นผู้บริโภคกามเป็นผู้ไม่น่าเคารพไม่ใช่ผู้ที่พึงเผากิเลสอย่างที่เข้าใจกัน ทำให้เหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายก็พลอยหลงเชื่อตามสุตวาผู้เป็นอาจารย์ไปด้วย
เมื่อเหล่าลูกศิษย์ออกไปภิกขาจารก็เที่ยวกล่าวแก่ประชาชนทั้งหลายให้มีความเห็นผิดตามว่า ฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกามไม่สมควรกราบไหว้และให้ความเคารพ ผลของกรรมนั้นก็ได้พลอยมาตกกับภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป โดยทั้งหมดพลอยถูกใส่ความไปกับพระพุทธองค์ด้วยเพราะเหตุแห่งนางสุนทริกาเป็นต้นเหตุ ดังนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น