1. อันธปุถุชน
หมายถึง บุคคลที่ยังเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นอยู่ตามเหตุปัจจัย ยังไม่สามารถอยู่ในศีลห้าได้ จิตใจยังมีความคิดอกุศล คิดดีบ้าง คิดชั่วบ้าง มีความขุ่นเคือง มีความอิจฉาริษยามากบ้างน้อยบ้างขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย
2. กัลยาณชน
หมายถึง บุคคลที่เว้นการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทางกายและวาจาได้แล้ว คือผู้ที่ถือศีลห้าได้เป็นปกติแล้ว แต่ยังต้องสำรวมตนอยู่เสมอ เพราะถ้ามีเหตุปัจจัยรุมเร้าหนักๆ ก็อาจจะทำผิดศีลได้อีก จิตใจยังมีความคิดอกุศลอยู่ แต่มีความรู้สึกตัวเร็ว ไม่ปล่อยให้ความคิดอกุศลอยู่เหนือตนเองมากเกินไป
3. พระโพธิสัตว์
หมายถึง บุคคลที่เว้นจากการเบียนเบียนผู้อื่นทางกายและวาจา คือบุคคลผู้ถือศีลห้าได้เป็นปกติ มีจิตคิดถึงผู้อื่นมากกว่าคิดถึงตนเอง มีความเสียสละ และความอดทนสูงเกินคนปกติ แม้จิตใจยังมีความคิดที่เป็นอกุศลอยู่บ้าง แต่ความอกุศลนั้น ไม่ลุกลามถึงขั้นทำร้ายผู้อื่นได้
4. พระโสดาบัน
หมายถึง บุคคลที่เว้นจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางกายและวาจา เป็นบุคคลที่ถือศีลห้าได้เป็นปกติ ไม่มีวันคิดทำผิดศีลธรรมอีกต่อไป เป็นผู้มีจิตใจสงบนิ่งตามสมควร มีความเข้าใจตรงตามความจริงว่า กายใจนี้ไม่ใช่ของเรา แต่ยังตัดไม่ขาด มีความเห็นเกี่ยวกับชีวิตถูกต้องตามความเป็นจริง(สัมมาทิฏฐิ) มั่นคงในคุณธรรมชนิดยอมตายดีกว่ายอมทำชั่ว จิตใจยังมีความเศร้าหมองอยู่บ้าง แต่ไม่สามารถพัฒนาถึงขั้นคิดริษยาใครได้
5. พระสกทาคามี
หมายถึง บุคคลที่เว้นจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางกายและวาจา เป็นบุคคลที่ถือศีลห้าได้เป็นปกติ ไม่มีวันคิดทำผิดศีลอีกต่อไป เป็นผู้มีจิตเป็นสมาธิมั่นคง มีความเข้าใจตรงตามความจริงว่า กายนี้ใจนี้ไม่ใช่ของเรา แต่ยังตัดไม่ขาด มีความเห็นเกี่ยวกับโลกตรงตามความเป็นจริง(สัมมาทิฏฐิ) จิตใจยังมีความเศร้าหมองอยู่เล็กน้อย ยังมีความติดใจในรูป รส กลิ่น เสียงอยู่เล็กน้อย แต่ไม่สามารถพัฒนาไปถึงขั้นเกิดความโลภ
6. พระอนาคามี
หมายถึง บุคคลที่เว้นจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางกายและวาจา เป็นบุคคลที่ถือศีลห้าได้เป็นปกติ ไม่มีวันคิดทำผิดศีลอีกต่อไป เป็นผู้มีจิตเป็นสมาธิตั้งมั่น มีความเป็นกลางของอารมณ์ค่อนข้างสูง(อุเบกขา) มีความเห็นเกี่ยวกับโลกตรงตามความเป็นจริง(สัมมาทิฏฐิ) มีสติมั่นคงเป็นมหาสติทำให้รู้ทันความโกรธ จนเป็นผู้ไร้ความโกรธ ไม่อยู่ในอำนาจของลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จิตแทบไม่หลงเหลือความขุ่นเคืองอยู่เลย แต่ยังมีความต้องการความเบิกบาน ยังพอใจในสมาธิ และยังรู้สึกถึงความมีตัวตนของตนเองอยู่
7. พระอรหันต์
หมายถึง บุคคลผู้รู้แจ้งในความจริงว่า ความเป็นตัวตนคือสิ่งสมมุติ เป็นผู้ทำลายอัตตาและกิเลสของตนเองแล้ว เป็นผู้ไม่เหลือความทุกข์โดยสิ้นเชิงแล้ว
***หนทางแห่งการพัฒนาตนเอง***
1. หมั่นกระทำพรหมวิหารสี่อยู่เสมอ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา2. หมั่นพิจารณาในความดี และประโยชน์ของศีล และวางตนอยู่ในศีลอย่างเคร่งครัด โดยมีมุมมองต่อศีลว่า ศีลคือความท้าทายในการใช้ชีวิตให้มีความดีงาม มิใช่กฏข้อห้ามที่ทำตามๆ กันไปอย่างไร้ปัญญา
3. หมั่นคิดตรึกตรองว่า ชีวิตคือความไม่แน่นอน ทุกสิ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป
4. หมั่นทำสมาธิให้มากพอ
5. หมั่นทำวิปัสสนาให้มากพอ
แม้ชีวิตนี้เกิดมาด้วยอัตภาพของความเป็นปุถุชน แต่เราทุกคนก็มีศักยภาพที่จะพัฒนาจิตใจของตนเองได้ หากมีความอดทนและตั้งใจจริง!!!
ที่มา พลังจิต
----------
http://songworldnull.com/1844/?fbclid=IwAR2Y5saAKhMwZvvJ4YfdXV7ExGkK7dBncXhtUbLev2H75zRf7VQt9uxP9XY
19 พฤศจิกายน 2561
ระดับบุคคล 7. ระดับในพุทธศาสนา
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
อริยสัจ 4 และมรรคแปด
ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...
-
หล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ปางเทศนา หลังพระปางอุ้มบาตร เนื้อเมฆพัด ลงรักปิดทอง สร้าง พ.ศ.๒๔๑๑ เจ้าพระคุณสมเด็จโต สร้างและปลุกเสก...
-
การจับพลังพระเครื่องนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และมีรูปแบบการใช้อยู่อย่างหลากหลายเพื่อให้ทราบว่า พระเครื่ององค์นี้ หรือวัตถุมงคล ชิ้นนี้ ...
-
https://youtu.be/V5b6fr4VMjU หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง - พลังจตุธาตุหนักแน่นเช่นเดิม มาเต็มๆ 100 ทุกพลังธาตุ ตามมาตรฐานหลวงปู่ทิม...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น