24 พฤศจิกายน 2561

อานิสงส์ของการทำบุญกับพระอรหันต์ ที่พึ่งออกจากนิโรธสมาบัติ

นายปุณณะ ผู้ไถดินให้เป็นทอง (ฉบับเต็ม)

นายปุณณะ ซึ่งเป็นคนรับใช้อยู่ในเรือนของสมุนเศรษฐี
ในกรุงราชคฤห์ เขาเป็นคนขยันในการทำงาน
แม้ในวันนักขัตฤกษ์กัน
แต่นายปุณณะก็ยังไปทำการไถนา
ตามหน้าที่ของตนตามหน้าที่ของตนปกติ

ขณะที่เขากำลังไถนาอยู่นั้น
พระสารีบุตรเถระเมื่อออกจากนิโรธสมาบัติแล้ว
ได้ถือบาตรเที่ยวภิกขาจารผ่านมายังทุ่งนาที่นายปุณณะกำลังไถอยู่นั้นนายปุณณะพอเห็นพระเถระ
ก็หยุดไถแล้วเข้าไปกราบด้วยเจญจางคประดิษฐ์
แล้วถวายน้ำบ้วนปากและไม้สีฟัน
พระเถระทำกิจสีฟันและบ้วนปากแล้วเดินภิกขาจารต่อไป
นายปุณณะคิดว่า “เหตุที่พระเถระมาทางนี้ในวันนี้ก็คงจะมาสงเคราะห์เรา
ถ้าภริยาของเราได้พบพระเถระแล้ว
ขอให้นางได้ใส่อาหารที่นำมาให้เราลงในบาตรของพระเถระด้วยเถิด”

ส่วนภริยาของเขาเมื่อนำอาหารไปส่งให้เขาที่นา
ในระหว่างทางได้พบ พระเถระจึงคิดว่า
“วันอื่นๆ เราพบพระเถระแต่ไทยธรรมเราไม่มี
ส่วนในวันที่มีไทยธรรมก็ไม่ได้พบพระเถระ
แต่วันนี้ทั้งสองอย่างของเรามีพร้อมแล้ว
เราควรถวายอาหารที่เตรียมไปให้สามี
แก่พระเถระก่อนแล้วจึงกลับไปทำมาใหม่”

เมื่อคิดดังนี้แล้วก็ใส่โภชนาหารลงในบาตรของพระเถระแล้วกล่าวว่า
“ด้วยอานิสงส์แห่งทานนี้ ขอให้ชีวิตของดิฉันพ้นจากความยากจนด้วยเถิด”
พระเถระกล่าว อนุโมทนาให้ความปราถนาของนางสำเร็จตามที่ต้องการแล้วก็กลับไปสู่วิหาร

เมื่อนางได้ถวายอาหารแก่พระเถระแล้ว
ก็รีบกลับบ้านเพื่อจัดอาหารมาให้สามีของตน
ฝ่ายนายปุณณะไถนาเรื่อยไปจนเวาลาสาย
ภริยาก็ยังไม่นำอาหารมาส่งเช่นทุกวัน
รู้สึกหิวเป็นกำลังจึงหยุดไถแล้วนอนพักที่ใต้ร่มไม้
เมื่อภริยามาถึงนา ก็เกรงว่าสามีจะโกรธที่มาช้า
จึงรีบพูดกับสามีขึ้นก่อนว่า
“ท่านพี่อย่าเพิ่งโกรธ ขอให้ฟังดิฉันก่อน”
แล้วนางก็เล่าเหตุที่มาช้าให้สามีฟังโดยตลอด
นายปุณณะกล่าวว่า
“เธอทำดีแล้ว
แม้ฉันเองก็ได้ถวายน้ำป้วนปากและไม้สีฟันแก่พระเถระเหมือนกัน
วันนี้นับว่าเป็นบุญของเราเหลือเกิน”
ทั้งสองสามีภรรยานั้นจ่างก็ปีติอิ่มเอิบใจ
ในการกระทำของตน

๐ ขี้ไถกลายเป็นทอง

นายปุณณะ กินอาหารเสร็จแล้วก็นอนหนุนตักภรรยาแล้วก็หลับไปสักครู่หนึ่งพอตื่นขึ้นมา
มองไปที่ทุ่งนา เห็นก้อนดินที่ตนไถมีสีเหมือนทองคำทั่วท้องนาจึงบอกให้ภรรยาดูด้วย
ภริยาเมื่อมองดูก็เห็นมีแต่ก้อนดินจึงพูดว่าขึ้นว่า
“ท่านคงจะเหน็ดเหนื่อย และหิวจนตาลาย”
แต่เมื่อเขาลุกไปหยิบมาให้ภรรยาดู
ต่างก็เห็นเป็นทองคำเหมือนกัน

สองสามีภรรยาเก็บทองใส่ถาดจนเต็มแล้ว
นำไปถวายพระราชา พร้อมทั้งกราบทูลให้ส่งคนไปขนทองคำ
ที่ทุ่งนาของตนนั้นมาเก็บไว้ในท้องพระคลัง
พระราชาส่งราชบุรุษพร้อมเกวียนไปบรรทุกทองคำตามที่นายปุณณะกราบทูล
ราชบุรษทั้งหลาย ในขณะที่กำลังขนทองคำใส่เกวียนนั้นพากันพูดว่า
“บุญของพระราชา”
ทันใดนั้นทองคำก็กลายเป็นดินขี้ไถเหมือนเดิม
พวกราชบุรษจึงกลับไปกราบทูลให้ทรงทราบ
พระราชารับสั่งว่า
“พวกท่านจงไปขนมาใหม่พร้อมกับจงพูดว่า
บุญของนายปุณณะ”
พวกราชบุรุษทำตามรับสั่ง
ก็ปรากฏว่าได้ทองคำมาหลายเล่มเกวียน
นำมากองที่หน้าพระลานหลวง
พระราชารับสั่งถามว่า ในพระนครนี้ ใครมีทรัพย์มากเท่านี้บ้าง เมื่อได้สดับว่าไม่มี
จึงพระราชทานตำเหน่งเศรษฐีแก่นายปุณณะได้นามว่า
“ธนเศรษฐี” พร้อมทั้งมอบทองคำทั้งหมดนั้นแก่นายปุณณะด้วย

นายปุณณะเศรษฐี เมื่อทำการมงคลฉลองตำเเหน่งเศรษฐี
ได้กราบอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์มาเสวยและฉันภัตตาหารที่บ้านเป็นเวลา ๗ วัน
พระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมเทศนาอนุโมทนาทาน
นายปุณณะเศรษฐีพร้อมด้วยภริยาและธิดา
ได้บรรลุโสดาปัตติผล

#แชร์เป็นธรรมทาน

...........................

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...