08 พฤศจิกายน 2561

**วิธีการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บในอนาคต - ข้อความจากครายออน**

**ปรากฎการณ์ลำดับที่ 2**

จริงๆแล้วสิ่งที่ฉันเพิ่งบอกกับพวกคุณไปเมื่อสักครู่นี้ ถ้าเทียบกับอันที่สองนี้แล้ว ก็ถือว่าล้าสมัยไปเลยหละ เพราะว่าอันที่สองนี้ผู้ป่วยโรคมะเร็งจะไปรายงานตัวที่ตึกแห่งหนึ่ง ซึ่งตึกแห่งนั้นอาจจะมีข้อความที่โฆษณาเอาไว้ว่า:

"The V Group - ศูนย์บริการกำจัดรักษาโรคแบบครบวงจร รักษาโรคได้อย่างเฉียบขาดและถาวร!"

และกระบวนการบำบัดรักษาโรคด้วยวิธีการดังกล่าวนี้ มันก็จะมีการแข่งขันกันมากมายเลยทีเดียวหละ เพราะว่ามันทำได้ง่ายๆโดยไม่ต้องอาศัยวิธีการทางการแพทย์แต่อย่างใดเลย และด้วยเหตุนี้มันจึงมีพัฒนาการที่ไปไกลมากๆ

ผู้ป่วยโรคมะเร็ง จะเข้าไปในตึกแห่งนั้น ซึ่งคราวนี้จะไม่มีการฉีดอะไรเข้าไปในร่างกายของผู้ป่วยอีกแล้ว เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณกำลังจะได้ยินได้ฟังต่อไปนี้ คือวิวัฒนาการของสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า "โลกเสมือนจริง" (Virtual Reality)

แต่อย่างไรก็ตาม พวกคุณก็ไม่อาจเรียกมันว่าโลกเสมือนจริงได้อีกต่อไปแล้ว เพราะว่าเจ้าสิ่งที่ดูเหมือนว่าคือโลกแห่งความเป็นจริงที่ถูกจำลองขึ้นมาดังกล่าวนี้ จะสามารถส่งผลกระทบต่อโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณได้จริงๆ

ในตอนนี้พวกคุณก็ได้เริ่มนำพวกมันมาใช้งานบ้างแล้วใช่ไหม คือพวกคุณจะสวมแว่นตาที่ฉายภาพสามมิติเข้าไป ที่ทำให้พวกคุณสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้รอบๆ 360 องศา ซึ่งมันก็จะทำให้พวกคุณรู้สึกว่ามันเหมือนจริงมากๆจนแยกไม่ออกเลย

และพวกคุณก็จะสามารถมองเห็นความสวยงามของธรรมชาติได้ และก็จะสามารถไปอยู่ในสถานที่ๆพวกคุณไม่เคยไปมาก่อนเลยได้ด้วย มันน่าทึ่งมากๆเลยใช่ไหม

แต่นั่นหนะที่รักทั้งหลาย..มันจะกลายเป็นแค่ของเด็กเล่นไปเลยหละ ถ้าเทียบกับสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกพวกคุณอยู่นี้!

ผู้ป่วยโรคมะเร็ง จะเข้าไปในตึกแห่งนั้น และก็จะไปอยู่ในห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง ซึ่งมีเครื่องมือที่พิเศษมากๆอยู่ชนิดหนึ่ง แต่ฉันจะไม่บอกหรอกนะว่าเครื่องมือที่ว่านั้นมันมีลักษณะอย่างไร เพราะว่ามันอาจจะไปทำให้กระบวนการนี้เสียหายก็ได้

แต่ว่าอย่าห่วงไปเลยนะ เพราะว่ามันจะมีมาแน่นอน..มันจะถูกประดิษฐ์คิดค้นขึ้นอย่างแน่นอน เพราะว่ามันอยู่ในใจและอยู่ในบันทึกแห่งฟ้า หรือ Akash ของคนที่จะประดิษฐ์คิดค้นมันขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเจ้าเครื่องมือนี้ทำงานขึ้นมา..ภายในเวลาไม่นาน ผู้ป่วยก็จะไปอยู่ในสถานที่อื่น ที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอื่นในทันที มันจะเป็นสถานที่ๆทำให้เธอสามารถยืนขึ้นได้ และเดินได้ และทำตัวเหมือนปกติได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เธอไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เลย

ในโปรแกรมโลกเสมือนจริงนี้ มันจะดูเป็นจริงเป็นจังมากๆเลย จนเธอสามารถมีปฏิสัมพันธ์และโต้ตอบกับคนอื่นๆได้ แต่ว่า..เธอไม่ได้แค่โต้ตอบกับโปรแกรมอยู่เท่านั้นนะ แต่เธอกำลังโต้ตอบอยู่กับสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่ดูเหมือนว่าคือมนุษย์คนอื่นๆอยู่ เพราะว่าจริงๆแล้วพวกเขาก็คือมนุษย์จริงๆ

เพราะว่ามนุษย์คนอื่นๆที่ว่านั้น กำลังอยู่อีกห้องหนึ่งในตึกแห่งนั้น และก็กำลังมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับเธออยู่ด้วยจริงๆ ผ่านทางเครื่องมือพิเศษที่ว่านั้น เพราะว่างานบำบัดรักษาของเธอในครั้งนี้จำเป็นจะต้องใช้พื้นที่ของตึกเกือบทั้งตึกเลย และก็ต้องใช้คนอื่นๆอีกหลายคนเข้าร่วมด้วย

เพราะฉะนั้นแล้ว เธอจึงไม่ได้อยู่คนเดียวเลย และมันก็ไม่มีอะไรเลย..ที่ไม่จริง..เกี่ยวกับการโต้ตอบเหล่านั้น แต่มันก็ไม่มีอะไรที่จริงเลย ในสิ่งที่เธอมองเห็นและแตะต้องสัมผัส..ซึ่งแน่นอนว่าเธอรู้อยู่แล้ว แต่ไม่นานเธอก็จะลืม..ว่ามันไม่จริง

ใน "โลกแห่งความเป็นจริงอื่น" นั้น..เธอเดินเข้าไปในศูนย์บำบัดรักษาโรคแห่งหนึ่ง ซึ่งมันจะเหมือนจริงมากๆ จนทำให้เธอสามารถรับรู้ถึงสายลมบางเบาที่โชยมาปะทะร่างของเธอได้ ในขณะที่เธอเดินผ่านสวนสาธารณะไป และเธอก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของหญ้าในสนามหญ้าด้วย

เธอเดินเข้าไปในตึกแห่งนั้น แล้วก็ขึ้นลิฟท์ไป เหมือนปกติตอนที่เธอไปพบแพทย์ประจำครอบครัวของเธอในเมืองที่เธออยู่ พอขึ้นไปถึงแล้วพนักงานต้อนรับก็ขอชื่อของเธอไว้ และถามไถ่เธอตามระเบียบ และรวมถึงสอบถามถึงครอบครัวของเธอเล็กน้อยด้วย

การสนทนาเหล่านี้ไม่มีอะไรที่ไม่จริง และก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่มาเกี่ยวข้องที่ไม่จริงด้วย..เพียงแต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอกำลังมีประสบการณ์อยู่นี้ ล้วนเป็นผลพวงมาจากวิวัฒนาการด้านอิเล็กโทรนิกที่ทำงานกับจิตสำนึกของเธอทั้งสิ้น

จากนั้น ผู้ป่วยก็จะนอนลงบนเก้าอี้ยาวๆ ซึ่งเหนือศีรษะของเธอขึ้นไปก็จะมีจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่อยู่จอหนึ่ง จากนั้นพยาบาลก็จะเข้ามาช่วยกันต่อสายไฟต่างๆเข้ากับตัวเธอ เพื่อให้ก้อนมะเร็งที่อยู่ในร่างกายของเธอสามารถมองเห็นผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์อันนั้นได้

ตอนนี้เธออยู่ในอริยาบทที่สบาย กล้ามเนื้อทุกส่วนของเธอผ่อนคลาย ราวกับว่าเธอกำลังจะนอนหลับยังงั้นแหละ แต่ว่าเธอมีสติเต็มตื่น และก็พร้อมสุดๆที่จะเผชิญหน้ากับมันแล้ว

ณ.โมเมนท์นี้ ไม่มีอะไรที่กำลังคุกคามเธอเลย แต่ว่ามันก็เหมือนจริงมากๆจนเธอสามารถแตะต้องสัมผัสและรู้สึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมองเห็นได้ ส่วนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่เหนือศีรษะของเธอนั้น ก็กำลังแสดงภาพก้อนมะเร็งอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่เธอก็ไม่ได้หวาดหวั่นเลย เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าเธอกำลังเตรียมตัวที่จะสู้รบกับมันอยู่แล้ว

จากนั้น พวกเขาก็เอาอุปกรณ์สำหรับควบคุมอะไรบางอย่างมาให้เธอถือไว้ในมือ ซึ่งถ้าเธอหมุนเจ้าอุปกรณ์นี้ไปในทิศทางที่กำหนดแล้ว ก็จะส่งผลกระทบต่อเจ้าก้อนมะเร็งที่อยู่ในร่างกายของเธอ และบริเวณที่อยู่รอบๆมันได้

มันจะเหมือนกับว่า เธอสามารถแตะต้องก้อนมะเร็งที่อยู่ในร่างกายของตัวเองได้จริงๆอย่างนั้นแหละ โดยใช้เจ้าอุปกรณ์ควบคุมที่ว่านี้ และทุกครั้งที่เธอทำเช่นนั้น เจ้าก้อนมะเร็งก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนองในทันทีและก็พยายามที่จะหนีไปอย่างรวดเร็ว

ในระหว่างที่เธอปฏิบัติการอยู่นั้น พยาบาลก็จะคอยเตือนเธอว่าอย่าไปเร็วจนเกินไปนัก และพวกเขาก็จะคอยแนะนำเธอว่าควรจะทำอะไรต่อไป และทำอย่างไร และพวกเขาก็จะคอยเชียร์เธอด้วยถ้าเธอทำได้อย่างถูกต้องแล้ว

และในขณะเดียวกัน ในห้องที่เธออยู่นั้น เธอก็เริ่มได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงดนตรีอะไรบางอย่างดังขึ้นมาด้วย ซึ่งมันฟังดูคุ้นเคยสำหรับเธอมาก

และด้วยอุปกรณ์ควบคุมที่อยู่ในมือของเธอนั้น เธอก็เริ่มตอบสนองต่อสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจอคอมพิวเตอร์แล้ว เพราะว่าเธอค่อยๆมองเห็นแล้วว่าเธอสามารถลบเจ้าก้อนมะเร็งก้อนนั้นออกไปจากหน้าจอได้จริงๆ

เจ้าก้อนมะเร็งก้อนนั้น มันต่อสู้ขัดขืน และก็บิดตัวหลบไปมา แล้วมันก็เริ่มค่อยๆฝ่อและหดเล็กลงต่อหน้าต่อตาของเธอ

ส่วนทีมเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯก็คอยให้ความช่วยเหลือเธออยู่ตลอด และให้คำแนะนำแก่เธอว่า "ให้ดูสีของมันให้ดี..ให้เคลื่อนตัวควบคุมตามสีเหล่านั้นไป! เพราะว่ามันกำลังบ่งบอกให้คุณรู้ว่า อะไรที่ทำให้มันรู้สึกไม่สบาย"

เจ้าก้อนมะเร็งก้อนนั้น มันแทบจะกรีดร้องออกมา และมันก็พยายามที่จะหนีอย่างสุดชีวิต แต่ว่าเธอก็พยายามที่จะใช้เจ้าอุปกรณ์ควบคุมอันนั้นไล่ล่ามันอยู่ต่อไป

ส่วนเสียงเพลงและเสียงดนตรีก็ยังขับขานอยู่ต่อไปไม่ขาด แล้วเธอก็ค่อยๆมารู้ตัวเองว่าเธอได้ร้องคลอไปตามเสียงเพลงและเสียงดนตรีนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และเธอก็ยิ้มอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

(หมายเหตุ-1 : นี่คือ key word ตัวหนึ่ง => ดนตรีบำบัด, และต้องอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่เบิกบานสูงสุด - ผู้แปล)

ที่รักทั้งหลาย ผู้หญิงคนนี้เธอกำลังรักษาโรคมะเร็งให้กับตัวเองอยู่! มันเหมือนจริงมากๆ เพราะว่าเธอกำลังอยู่ในอีกโลกหนึ่งอยู่ ซึ่งเป็นโลกเสมือนจริงที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกันนั้น เธอไม่ได้อยู่ตรงนั้นเลย

แต่อย่างไรก็ตาม ร่างกายเนื้อของเธอ ก็กำลังมองเห็นและรู้สึกว่าสิ่งต่างๆเหล่านั้นมันคือความจริงสำหรับมันอยู่ ดังนั้น ความดันเลือดของเธอจึงกำลังตอบสนองอยู่ และจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของเธอก็กำลังตอบสนองอยู่ และเธอก็กำลังเหงื่อแตกพลักๆอยู่จริงๆ

และสารเคมีในร่างกายของเธอก็กำลังเชื่อว่าเธอกำลังอยู่ในตึกแห่งการบำบัดรักษาอยู่จริงๆ และก็กำลังใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะกำจัดเจ้าโรคภัยไข้เจ็บนี้ออกไปให้ได้อยู่จริงๆ

ในโลกเสมือนจริง..ที่เหมือนจริงมากๆและน่าทึ่งอันนี้ เธอเริ่มที่จะมองเห็นก้อนมะเร็งของตัวเอง ค่อยๆถูกทำลายไปทีละเล็กทีละน้อย ด้วยน้ำมือของเธอเอง และด้วยความปราถนาและด้วยเจตจำนงอันแน่วแน่ของเธอเอง ที่จะกำจัดมันออกไป โดยใช้ความพยายามอย่างหนักของเธอเอง

เจ้ามะเร็งก้อนนั้น และคนไข้คนนั้น ดูเหมือนว่าจะกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่ ดังนั้น เธอจึงได้รับอนุญาตให้หยุดพักได้ เพื่อที่เธอจะได้หยุดรับประทานอาหารก่อน ซึ่งก็เป็นอาหารเสมือนจริงอีกเช่นกัน แต่เธอก็สามารถรู้สึกได้ว่ามันลงไปจนถึงกระเพาะของเธอจริงๆ แล้วจากนั้นเธอก็กลับขึ้นมานอนอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวเดิม เพื่อทำสงครามกับเจ้ามะเร็งก้อนนั้นต่อไป

แต่ว่าคราวนี้ เจ้ามะเร็งก้อนนั้น ดูเหมือนว่ามันจะรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว มันก็เลยเปลี่ยนสีและหนีไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะไล่ตามไม่ทันเลย

แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นก็ร้องเพลงอีกครั้ง เพราะว่าเธออยู่ในอารมณ์แห่งความสุข-ความเบิกบาน แล้วจากนั้นเธอก็ค่อยๆลบเจ้าก้อนมะเร็งก้อนนั้นออกจากร่างกายของเธอ ทีละเล็กทีละน้อย

ดังนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับมะเร็งก็ตาม แต่เธอก็รู้สึกเป็นสุขใจเพราะได้รับชัยชนะจากการค่อยๆหดเล็กลงๆของก้อนมะเร็งจนกระทั่งมันหายไปในที่สุด ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้แล้ว มันก็ไม่มีอีกแล้วการเคลื่อนไหวของก้อนมะเร็ง และก็ไม่มีอีกแล้วการเปลี่ยนสีไปของก้อนมะเร็ง

ประสบการณ์เสมือนจริงนี้ จะใช้เวลาทั้งวันเลย ซึ่งมันก็จะดูเหมือนจริงมากๆ เพราะว่าเธอจะได้รับประทานอาหารตั้งหลายมื้อจริงๆ และร่างกายเนื้อของเธอก็ได้รับการหล่อเลี้ยงบำรุงจริงๆ

ในช่วงสุดท้าย เธอก็จะลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ยาวตัวนั้น แต่ว่ากระบวนการนี้มันยังไม่เสร็จสิ้นซะทีเดียว เพราะว่าเธอจะถูกนำตัวไปยังห้องอีกห้องหนึ่ง เพื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการ

ซึ่งในห้องๆนี้ก็จะมีคุณหมอหลายคนมาสนทนากับเธอ และมาพาเธอไปทำการตรวจวินิจฉัยตามวิธีการมาตรฐานของพวกเขา ที่พวกเขาทำกันอยู่แล้วเป็นปกติ เช่น การใช้เข็มเจาะเอาเลือดของเธอไปตรวจ เป็นต้น เหมือนปกติ แต่ทั้งหมดนี้เป็นการตรวจเสมือนจริง

จากนั้น เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ก็จะกลับออกมาพร้อมผลการทดสอบ พวกเขาเอาค่าต่างๆทางเคมีให้เธอดู เอาตารางต่างๆให้เธอดู และแม้แต่ของเสียที่เป็นเศษซากของก้อนมะเร็ง ที่ถูกร่างกายของเธอขับออกมา พวกเขาก็เอามาให้เธอดูด้วย

แล้วจากนั้นคุณหมอก็ยิ้ม และบอกกับเธอว่า "ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ..ตอนนี้คุณหายแล้ว"

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว จิตใจของเธอก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดี และรู้สึกภาคภูมิใจ และรื่นเริงบันเทิงใจ

แล้วจากนั้น เมื่อถึงเวลาที่จะต้องนำเธอกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงจริงๆของเธอแล้ว พวกเขาก็ค่อยๆนำเธอกลับมาอย่างช้าๆ

แต่ที่รักทั้งหลาย เธอไม่ได้สวมแว่นตาสามมิติอยู่หรอกนะ แต่ฉันจะไม่บอกพวกคุณหรอกนะว่าเมื่อตะกี้นี้เธอใช้วิธีการอะไร แต่มันก็สมบูรณ์แบบ และล้ำลึกมากๆด้วย

มันไม่มีอะไรเหมือน และมันก็เป็นโลกแห่งความเป็นจริงเสมือนที่เกือบจะเหมือนจริงจริงๆจนราวกับว่าพวกคุณได้ก้าวเข้าไปอยู่ในมิติอีกมิติหนึ่งเลยหละ (ครายออนยิ้ม)

และเมื่อเธอกลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงของเธอเต็มที่แล้ว ก็จะไม่มีใครไปตรวจเธอจริงๆอีกแล้ว ว่ามันได้ผลจริงๆไหม เพราะว่าทุกๆคนจะรู้อยู่แล้วว่า "การบำบัดรักษามันเสร็จสิ้นสมบูรณ์ลงแล้ว และร่างกายของเธอ และอวัยวะต่างๆของเธอ และจิตใจของเธอ ได้จดจำประสบการณ์นั้นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เสมือนหนึ่งว่ามันคือความจริงที่จริงแท้จริงๆสำหรับพวกมัน ในทุกๆด้าน"

และด้วยความช่วยเหลือของโปรแกรมโลกเสมือนจริงนี้ ที่ปฏิบัติการกับจิตสำนึกของเธอได้จริงๆ และรู้จักเธอจริงๆ จึงทำให้เธอเดินออกมาจากศูนย์ฯนั้นโดยปราศจากโรคมะเร็ง

นี่แหละคือพลังอำนาจของเทคโนโลยีและอิเล็กโทรนิกในอนาคตหละ เพราะว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะหันกลับเข้ามาสู่เรื่อง "ภายใน" มากกว่าเรื่องภายนอก

มันคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับมนุษย์ในโลกอนาคต ที่มีความตระหนักรู้แล้วว่า จิตสำนึกของมนุษย์สามารถทำอะไรได้บ้าง และตระหนักรู้แล้วว่าจิตใจของมนุษย์มีพลังอำนาจมากเพียงใด นั่นแหละคือปรากฏการณ์ลำดับที่ 2 หละ

ที่มา: บางส่วนของข้อความสื่อสารจากครายออน เรื่อง Evolution - Future Scenarios.
Ref: www.kryon.com
..............................

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...