" ภิกษุที่พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า ข้ามโอฆะ (ห้วงน้ำคือกิเลส) ได้นั้น ต้องล่วงพ้นกิเลสเครื่องทำให้ข้องติด ๕ อย่าง คือ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ และทิฏฐิ "
บุพกรรมในอดีต
ท่านพระโกณฑธานะ ในกาลของพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ ท่านเกิดในเรือนสกุล ในพระนครหังสวดี เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ฟังธรรมอยู่ เห็นภิกษุรูปหนึ่ง อันพระศาสดาทรงแต่งตั้งไว้ ในตำแหน่งภิกษุผู้เลิศแห่งภิกษุ ผู้จับสลากได้ก่อน
ปรารถนาตำแหน่งนั้น กระทำบุญสมควรแกฐานันดรนั้น ท่องเที่ยวไปแล้ว ครั้นวันหนึ่ง ได้น้อมถวายเครือกล้วยใหญ่สีเหลือง เหมือนจุณแห่งมโนศิลา แดพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติแล้ว ประทับนั่ง พระผู้มีพระภาคทรงรับเครือกล้วยนั้นเสวย
ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านเสวยราชสมบัติ ในหมู่เทพ ๑๑ ครั้ง ได้เป็นพระจักรพรรดิ ๒๔ ครั้ง กระทำบุญบ่อยๆ อย่างนี้ แล้วท่องเที่ยวอยู่ในภพภูมิ ของเทวดและมนุษย์ทั้งหลาย เกิดเป็นภุมมเทวดา ในกาลของพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่ากัสสปะ ได้ก่อการทำอกุศลกรรมร้ายแรง โดยสร้างความแตกแยก ให้เกิดขึ้นแก่พระภิกษุสองรูป ด้วยการแปลงรูปเป็นหญิง ทำทีว่ามีสัมพันธ์ทางเพศกับภิกษุรูปหนึ่ง เพื่อให้ภิกษุอีกรูปหนึ่งเข้าใจผิด ท่านต้องหมกไหม้อยู่ในอบายภูมิ ถึงพุทธันดรหนึ่ง
สมัยพุทธกาล
ในพุทธุปบาทกาลนี้ ท่านพระโกณฑธานะ (ท่านธานะผู้ลามก ผู้ชั่วช้า ธาโน โกณฺโฑ ชาโต) มาบังเกิดเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในพระนครสาวัตถี ชื่อว่า ธานมาณพ เมื่อเจริญวัยแล้ว ได้ศึกษาศิลปวิทยา ของพราหมณ์จบไตรเพท
มีหญิงสาวเที่ยวติดตามทุกย่างก้าว
ภายหลัง ได้บรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ตั้งแต่วันที่ได้อุปสมบท ปรากฏมีรูปหญิงรูปหนึ่ง เที่ยวติดตาม ไปข้างหลังของท่าน แต่ท่านไม่เห็นรูปนั้น มีแต่คนอื่นเห็น เพราะอกุศลกรรมเก่า ที่เคยทำไว้เมื่อครั้งพระกัสสปพุทธเจ้า
ครั้นท่านเข้าไปบิณฑบาตในบ้าน พวกมนุษย์ได้ถวายภิกษาแก่ท่านสองส่วน แล้วพูดว่า นี้ส่วนของท่าน นี้ส่วนของหญิงสหายของท่าน ตั้งแต่นั้นมา พวกมนุษย์ จึงพากันเรียกท่านว่า โกณฑธานะ
เหล่าภิกษุต่างตั้งแง่รังเกียจ
ส่วนพวกภิกษุ ผู้ไม่ได้รู้ความจริง เห็นเช่นนั้น เกิดความรังเกียจ กลัวว่าจะเกิดโทษแก่พวกตนด้วย จึงบอกให้อนาถบิณฑิกเศรษฐี ขับไล่ออกเสียจากวิหาร อนาถบิณฑิกเศรษฐี ก็ไม่ขับไล่ จึงบอกแก่นางวิสาขามหาอุบาสิกา นางวิสาขาก็ไม่ขับไล่เหมือนกัน
พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จพิสูจน์ความจริง
เรื่องราวของท่านนั้น ทราบไปถึงพระเจ้าปเสนทิโกศล ผู้เป็นองค์พุทธศาสนูปถัมภ์ ทรงมี พระดำริ ที่จะกำจัดมลทินพุทธศาสนาให้สิ้นไป จึงเสด็จไปยังที่อยู่ของพระธานเถระ
ขณะนั้น พระธานเถระ อยู่ในห้อง เมื่อทราบว่าพระราชาเสด็จมา จึงออกไปรับเสด็จข้าง นอก ภาพที่พระเจ้าปเสนทิโกศล ได้ทอดพระเนตรเห็น ก็คือภาพหญิงสาวยืนอยู่ข้างหลัง พระธานเถระ สมจริงดังข่าวลือ จึงเสด็จเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อทอดพระเนตรให้เห็นชัด แต่ภาพนั้น กลับหายไป จึงขออนุญาตท่าน เข้าไปตรวจดูภายในห้อง ทรงตรวจดูด้วยพระองค์เองอย่าง ละเอียด แต่ก็ไม่พบหญิงสาวคนนั้น จึงเสด็จออกมาข้างนอก ประทับยืนที่เดิม ก็ทอดพระเนตร เห็นภาพหญิงสาวนั้นเหมือนเดิมอีก
พระองค์ทรงทดลองเสด็จพระดำเนินเข้า ๆ ออก ๆ หลายครั้ง จนแน่พระทัยว่า รูปหญิงสาวนั้น ไม่ใช่ของจริง คงเป็นรูป ที่เกิดขึ้นจากกรรมเก่าของท่านเอง ทรงแน่พระทัยว่า มิใช่ความประพฤติผิดลามก อย่างที่เป็นข่าวลือกัน ทรงพระดำริว่า “พระเถระคงจะลำบาก ด้วยอาหารบิณฑบาต อันเนื่องจากประชาชนรังเกียจท่าน” จึงกราบนมัสการนิมนต์ให้ท่าน เข้าไปบิณฑบาตในพระราชวังทุกวัน ทรงให้ความอุปถัมภ์บำรุงท่านด้วยปัจจัย ๔ มิให้ท่านต้องวิตกกังวลใด ๆ อีกต่อไป
บรรลุอรหัตตผล พร้อมกับภาพหญิงสาวก็หายไปด้วย
ตั้งแต่นั้นมา ท่านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะได้รับอาหารที่ดี สุขภาพจิตก็ดีขึ้น เพราะไม่มีคำพูดเสียดสี ต่อว่า เยาะเย้ยเป็นต้น ท่านจึงมีโอกาสบำเพ็ญวิปัสสนา กรรมฐานอย่างเคร่งครัด ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัตผล และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รูปหญิง สาวก็หายไป ไม่ปรากฏอีกเลย
เอตทัคคะในทางผู้จับสลากเป็นที่หนึ่ง
ต่อมา ได้มีมหาอุบาสิกา นามว่าสุภัททา กราบอาราธนาพระบรมศาสดา พร้อมด้วยภิกษุ สงฆ์ ๕๐๐ รูป ไปสู่อุคคนคร เมื่อถึงเวลาแจกภัตตาหาร พระอานนท์เถระรับหน้าที่แจกสลากแก่ ภิกษุสงฆ์ ขณะนั้นท่านพระกุณฑธานเถระ ได้แสดงอภินิหาร เหาะขึ้นไปบนอากาศ บันลือสีหนาทแล้ว ขอจับสลากก่อนซึ่งพระอานนท์เถระ ก็ให้ท่านจับก่อนตามประสงค์ แม้ในการ แจกภัตรด้วยสลากครั้งอื่น ๆ ท่านก็จะบันลือสีหนาท และขอจับสลากเป็นท่านแรกทุกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ พระบรมศาสดา จึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุ ทั้งหลาย ในทาง ผู้จับสลากเป็นที่หนึ่ง
# อสีติมหาสาวก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น