พระบรมโพธิสัตว์พระมหาสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะพระมหาบุรุษ ทรงบำเพ็ญเพียรทางใจตามลำพังมาโดยตลอดหลังจากที่ปัญจวัคคีย์ได้ละทิ้งพระองค์ไป จนถึงราตรีหนึ่งใน วันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ เมื่อบรรทมหลับพระองค์ทรง “ปัญจมหาสุบิน” เป็นบุพนิมิตมหามงคล ๕ ประการ อันเป็นการฝันในลักษณะลางบอกเหตุสำคัญล่วงหน้า ว่าพระองค์จะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณอย่างแน่นอน
“ปัญจมหาสุบิน” เป็นบุพนิมิตมหามงคล ๕ ประการ ได้แก่
๑. ทรงพระสุบินว่า พระองค์เสด็จบรรทมหงายเหนือพื้นปฐพี พระเศียรหนุนภูเขาหิมพานต์ต่างพระเขนย
หรือหมอน พระหัตถ์ซ้ายหยั่งลงในมหาสมุทรทางทิศตะวันออก พระหัตถ์ขวาหยั่งลงทางทิศตะวันตก
และพระบาททั้งสองหยั่งลงในมหาสมุทรทางทิศใต้
๒. ทรงพระสุบินว่า ติณชาติ หรือหญ้าแพรก เส้นหนึ่งงอกออกจากพระนาภี หรือสะดือสูงขึ้นไปจนถึงท้องฟ้า
๓. ทรงพระสุบินว่า หมู่กิมิชาติ หรือหนอน ทั้งหลาย อันมีสีขาวบ้างดำบ้างเป็นอันมาก ไต่ขึ้นมาแต่พื้นพระบาท ทั้งสองจนเต็มพระชงฆ์ หรือแข้ง และไต่ขึ้นมาถึงพระชานุมณฑล คือถึงหัวเข่า
๔. ทรงพระสุบินว่า หมู่สกุณชาติ หรือนก ทั้ง ๔ จำพวก มีสีต่าง ๆ กัน คือ สีเหลือง สีขาว สีแดง และสีดำ บินจากทิศทั้ง ๔ ลงมาจับแทบพระบาทแล้วก็กลับกลายเป็นสีขาวไปทั้งสิ้น
๕. ทรงพระสุบินว่า พระองค์เสด็จขึ้นไปเดินจงกรมบนยอดภูเขาอันเต็มไปด้วยอาจม แต่อาจมเหล่านั้นมิได้เปรอะเปื้อนพระยุคลบาท
เมื่อพระบรมโพธิสัตว์ตื่นบรรทม ทรงทำนายมหาสุบินนิมิตด้วยพระองค์เอง ครั้นทราบด้วยปัญญาว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงเบิกบานพระทัย เมื่อทรงปฏิบัติภารกิจส่วนพระองค์ สระสรงพระวรกายหมดจดดีแล้ว จึงเสด็จไปประทับ ณ ร่มไม้นิโครธพฤกษ์ (ต้นไทร) ในยามเช้าแห่งวันเพ็ญวิสาขปรุณมีดิถี หรือวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำกลางเดือน ๖ ซึ่งบางตำราบอกว่าตรงกับปีระกา
บรรดาบูรพาจารย์ได้ให้คำอรรถาธิบายเกี่ยวกับปัญจมหาสุบินไว้ว่า เป็นบุพนิมิตมหามงคล ๕ ประการ คือ
๑. พระบรมโพธิสัตว์มหาบุรุษ จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้เลิศในโลก ทั้ง ๓ อัน ได้แก่ เทวโลก มนุษย์โลก และยมโลก
๒. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะได้ทรงประกาศสัจธรรมเผยแผ่อริยมรรคมีองค์ ๘ หรือ มรรค ผล นิพพาน แก่เหล่าเทพยดาและมนุษย์ทั้งมวล
๓. เหล่าคฤหัสถ์ พราหมณ์และชนทั้งหลายจะเข้ามาสู่สำนักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอันมาก และจะรับพระไตรสรณคมน์ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง
๔. ชาวโลกทั้งหลายทุกชั้นทุกวรรณะ คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ และศูทร เมื่อมาสู่สำนักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จะได้รู้ธรรมอันบริสุทธิ์หมดจดผ่อนใสโดยเท่าเทียมกัน
๕. แม้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบริบูรณ์ด้วยลาภสักการะและปัจจัยทั้ง ๔ ที่ชาวโลกจากทุกทิศ น้อมนำมาถวายด้วยความเลื่อมใส ศรัทธา แต่พระองค์ก็มิได้มีพระทัยข้องอยู่ในลาภสักการะนั้นให้เป็นมลทินแม้แต่น้อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น