08 พฤศจิกายน 2561

พระนางมหาปชาบดี ผู้ถวายจีวรแห่งความรักแด่พระศาสดา

พระนางมหาปชาบดีโคตมี อย่างที่เราทราบกันอย่างดีว่าทรงเป็นพระมาตุจฉาของพระมหาสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะ
พระนางทรงเป็นผู้เลี้ยงประคบประหงมบำรุงพระมหาสัตว์เจ้าด้วยพระองค์เองตลอด
จนพระมหาสัตว์เจ้า ออกอภิเนษกรมเป็นนักบวชเรียกว่าเลี้ยงมาแต่เล็กจนโต รักยิ่งกว่าลูกแท้ๆของตนก็ไม่ปาน ว่างั้น
ความผูกพันประสาคนที่เลี้ยงดูมาแต่เล็กย่อมมากเกินกว่าผุ้ใด

ครั้นเมื่อพระมหาสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกจากวังในวันที่พระนางยโธราพิมพาประสูติพระโอรสคือ ราหุลราชกุมาร
บำเพ็ญเพียรจนเมื่อทรงตรัสรู้แล้ว ก็ได้เสด็จไปยังป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี
ได้ทรงแสดงพระธรรมจักรกับกัปปวัตนะสูตร
โปรดภิกษุปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ต่อมา และทรงประดิษฐานพระศาสนาออกไปเป็นที่กว้างขวางแล้ว
พระพุทธบิดาปรารถนาจะเห็นหน้าพระราชปิโยรสจึงได้แต่งราชทูตออกไปนิมนต์เสด็จนิวัตพระนครกบิลพัสดุ์

จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น เมื่อพระนางมหาปชาบดีโคตมี
ทรงเห็นพระรูปของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
ทรงพระดำริว่า พระอัตภาพของบุตรเรางดงามหนอดังนี้
พระนางก็เกิดพระโสมนัสเป็นกำลังยิ่ง ตั้งใจจะถวายผ้าจีวรถวายแด่พระลูกชาย
และยังทรงคิดต่อไปอีกว่า ก็ในกรุงราชคฤห์นี้มีผ้าราคาแพงมากมาย
แต่การที่จะถวายผ้าที่ซื้อมาเหล่านั้นไม่ทำให้เราดีใจ
สู้ผ้าที่เราทำเองไม่ได้ เราจำจะต้องทำผ้าเองถวาย

ผ้าที่ถักทอด้วยความรัก

ว่ากันว่าพระนางให้สร้างโรงงานทอผ้าในภายในพระราชวังนั้นเลยทีเดียว กรรมวิธีการต่างๆในการถักทอผ้าเรียกว่าไม่ธรรมดาเลย ตั้งแต่การปลูกฝ้ายในกระถางทองคำ
ใช้น้ำนมรดราดต้นฝ้าย แล้วโปรดให้ทอผ้า
พระนางพร้อมด้วยคณะพระพี่เลี้ยงนางนม
พร้อมใจกันไปโรงทอผ้านั้น พระนางมหาปชาบดีโคตมี
ทรงขยำ ทรงยีด้วยพระหัตถ์ กรอด้ายอย่างละเอียด
แล้วทอเป็นผืนผ้าด้วยพระนางทำตนเอง
เมื่อทอผ้านั้นเสร็จแล้ว สำเร็จเป็นผ้าที่งามวิจิตรมีสีเสมอด้วยผ้าที่ทอด้วยเส้นใยทองก็ไม่ปาน
แล้วโปรดให้ใส่ผ้าที่ตัดเย็บดีแล้วในหีบอันมีกลิ่นหอม
ทูลแด่พระราชสวามีพระเจ้าสุทโธทนะว่า
"หม่อมฉันจักถือผ้าจีวรไปถวายแก่บุตรเรา"
พระนางมหาปชาบดีทรงประดับเครื่องอลังการทุกอย่าง
พร้อมด้วยคณะพระพี่เลี้ยงนางนมแวดล้อมแล้ว
ทรงทูนหีบผ้า เสด็จไปยังสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว กราบทูลว่า

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผ้าใหม่คู่นี้ เป็นของหม่อมฉัน
หม่อมฉันกรอด้าย ทอเอง ตั้งใจอุทิศพระผู้มีพระภาค
ขอพระผู้มีพระภาคทรงอาศัยความอนุเคราะห์
โปรดรับผ้าใหม่ทั้งคู่ของหม่อมฉันเถิด ฯ"

เมื่อพระนางกราบทูลแล้วอย่างนี้
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสดังนี้ว่า
"ดูกรโคตมี พระนางจงถวายสงฆ์เถิด
เมื่อถวายสงฆ์แล้ว จักเป็นอันพระนางได้บูชาทั้งอาตมภาพและสงฆ์"

พระนางมหาปชาบดีโคตมีได้กราบทูลอ้อนวอนว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันสามารถนำผ้าจีวรทั้งหลายจากคลังผ้าถวายแก่ภิกษุร้อยรูปบ้าง พันรูปบ้าง
แต่ผ้าใหม่คู่นี้หม่อมฉันกรอด้ายเอง ทอเอง
ตั้งใจอุทิศพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดรับผ้าใหม่คู่นั้นของหม่อมฉันเถิด

ว่ากันว่าพระนางกราบทูลอย่างนี้ถึง ๓ ครั้ง แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสห้ามอย่างนั้นทั้งสามครั้ง

ถามว่า ก็เพราะเหตุไร พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงให้ถวายผ้าใหม่คู่ที่พระนางจะถวายแด่พระองค์ แก่พระภิกษุสงฆ์

ตอบว่า เพราะเพื่อทรงอนุเคราะห์พระมารดา ก็ได้ยินว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ทรงมีพระดำริว่า
เจตนา ๓ อย่างคือ
บุพเจตนา
มุญจนเจตนา
อปราปรเจตนา
ของพระนางมหาปชาบดีนี้ เกิดขึ้นปรารภเราแล้ว
จงเกิดขึ้นปรารภพระภิกษุสงฆ์บ้าง
เมื่อเป็นเช่นนี้ เจตนาทั้ง ๖ อย่างก็จะรวมเป็นอันเดียวกัน
จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อความสุขตลอดกาลนานแก่พระนางมหาปชาบดีโคตมีนั้น ดังนี้

ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามถึง ๓ ครั้งแล้ว
ทรงให้ถวายแก่สงฆ์ทรงมุ่งหมายอะไร

ตรัสอย่างนั้น เพื่อชนรุ่นหลัง
และเพื่อทรงให้เกิดความยำเกรงในสงฆ์ด้วย
นัยว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระดำริอย่างนี้ว่า
ตัวเรานั้นดำรงอยู่ไม่นาน
แต่ศาสนาของเราจักตั้งอยู่ในพระภิกษุสงฆ์ ชนรุ่นหลังจงทำความยำเกรงในสงฆ์ให้เกิดขึ้น ดังนี้
จึงทรงห้ามถึง ๓ ครั้งแล้ว
ทรงให้ถวายสงฆ์.ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น
พระศาสดาจึงทรงให้ถวายผ้าใหม่คู่หนึ่งที่พระนางจะถวายแด่พระองค์ให้แก่สงฆ์
ทักขิไณยบุคคลชื่อว่า สงฆ์
เพราะฉะนั้น ชนรุ่นหลังทำความยำเกรงให้เกิดขึ้นในสงฆ์
จักเห็นว่าปัจจัยสี่เป็นสิ่งพึงถวายสงฆ์
เมื่อไม่ลำบากด้วยปัจจัยสี่ สงฆ์ก็จักเรียนพุทธพจน์
ทำสมณธรรม เมื่อเป็นอย่างนั้น ศาสนาของเราจักตั้งอยู่ถึง ๕,๐๐๐ ปี ดังนี้

#แชร์เป็นธรรมทาน

............................

.

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...