ครั้งหนึ่ง พระที่เรียนกรรมฐาน ได้ลาพระพุทธเจ้าเพื่อเข้าป่า...
พระพุทธเจ้าก็ทรงทราบว่า ถ้าพระไปลาพระสารีบุตร พระสารีบุตรจะพูดว่าอย่างไร จึงให้ไปลาพระสารีบุตรก่อน
พอไปถึง พระก็ถามพระสารีบุตรว่า...
"ถ้าจะปฏิบัติถึงความเป็นพระโสดาบันจะทำอย่างไรครับ?"
พระสารีบุตร ก็บอก "ให้พิจารณาขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ก็คือร่างกาย ถ้าตัดได้อย่างหยาบ คือมีความรู้สึกว่าร่างกายนี้จะต้องตาย ก็เป็นพระโสดาบัน"
พระก็ถามว่า "ถ้าผมเป็นพระโสดาบันแล้ว จะเป็นพระสกิทาคามีจะทำอย่างไรครับ?"
พระสารีบุตร ก็บอกว่า "ก็พิจารณาแบบนั้นแหละ ถ้าตัดละเอียดลงไป สามารถทรงอารมณ์ใจให้จิตสะอาดพอสมควรก็เป็นพระสกิทาคามี"
พระก็ถามว่า "ถ้าผมเป็นพระสกิทาคามีแล้ว ต้องการจะเป็นพระอนาคามีจะทำอย่างไรครับ?"
ท่านก็บอกว่า "ก็ตัดลงไปอีก ให้คิดว่าร่างกายเป็นของสกปรกโสโครก เป็นที่น่าเกลียด เรารังเกียจร่างกายว่าเป็นของเน่า ของสกปรก เกิด นิพพิทาญาณ ก็เป็นพระอนาคามี"
พระก็ถามต่อไปอีกว่า "ถ้าผมเป็นพระอนาคามีแล้ว จะเป็นพระอรหันต์จะทำอย่างไรครับ?"
ท่านก็บอกว่า "ก็พิจารณาตัวนี้แหละจนกระทั่งจิตวางเฉย เฉยในร่างกายเรา เฉยในร่างกายของบุคคลอื่น เฉยในวัตถุธาตุทั้งหมด คือไม่ยินดียินร้าย ถือว่าร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกายเป็นเพียงธาตุ ๔ มีเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นของธรรมดา ถ้าร่างกายเจ็บป่วยเราก็ไม่เดือดร้อน ใครเขาด่ามาก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา ตัดร่างกายได้ขนาดนี้ก็เป็นพระอรหันต์"
พระก็เลยถามว่า "ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้วก็เลิกทำใช่ไหมครับ?"
พระสารีบุตร ก็บอกว่า "ไม่ใช่ พระอรหันต์ทำหนัก เพื่อความอยู่เป็นสุข"
........................................
• บทสวดบังสุกุลตาย (พร้อมคำแปล)
อะนิจจา วะตะ สังขารา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
อุปปาทะวะยะธัมมิโน มีความเกิดขึ้นและมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
อุปปัชชิตฺวา นิรุชฌันติ เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป
เตสัง วูปะสะโม สุโขฯ ความเข้าไปสงบแห่งสังขารเหล่านั้นได้ ย่อมนํามาซึ่งความสุข
สัพเพ สัตตา มะรัน ติจะ สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่ตายไปแล้วก็ดี
มะริงสุ จะ มะริสสะเร ที่กําลังตายอยู่เดี๋ยวนี้ก็ดี ที่จะตายต่อไปอีกก็ดี
ตะเถวาหัง มะริสสามิ แม้ตัวของเราก็จะตายอย่างนั้นเหมือนกันนั่นแล
นัตถิ เม เอตถะสังสะโยฯ ความสงสัยในเรื่องความตายนี้ย่อมไม่มีแก่เราเลย
• บทสวดบังสุกุลเป็น (พร้อมคำแปล)
อะจิรัง วะตะยัง กาโย ร่างกายของเรานี้คงไม่นานหนอ
ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ จะต้องลงไปทับถมซึ่งแผ่นดิน
ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโน เมื่อวิญญาณได้ปราศจากตัวเราทิ้งไปเสียแล้ว
นิรัตถังวะ กะลิงคะลังฯ เปรียบเหมือนท่อนไม้ท่อนฟืน หาประโยชน์มิได้ดังนี้แล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น