สำหรับเรื่องราวโศกนาฏรรมที่เกิดขึ้นในบ้านเรา และเกิดขึ้นในวันนี้เมื่อ 38 ปีก่อน เชื่อว่าคนไทยยุคหนึ่งจำได้ดี เพราะครั้งนั้นนับว่าเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญมากมายทีเดียวพร้อมกันครั้งหนึ่ง!
**ย้อนกลับไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ.2523** ซึ่งสุดจะคาดคิดว่า สภาพอากาศ จะเลวร้ายถึงขั้นมีผลทำให้วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ไม่ได้บอกลา ของผู้คนบนเที่ยวบิน TG 231 อุดรธานี-กรุงเทพฯ!
โดยเหตุร้ายนั้นเลือกไปเกิดกับเครื่องบิน 2 ใบพัด รุ่น HS-748 รหัส HS-THB ของบริษัทเดินอากาศไทย ซึ่งบินออกจากท่าอากาศยานอุดรธานี มุ่งหน้าปลายทางที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
แต่เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายมีลมกระโชกแรง เกินที่นักบินจะควบคุมเครื่องให้ลงจอดได้อย่างปลอดภัย สุดท้ายเครื่องบินลำดังกล่าวได้เสียการควบคุม และตกลงมากระแทกกับพื้นดินบนท้องนา ทุ่งรังสิต บริเวณหมู่ที่ 4 ต.คลอง 4 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
แน่นอนที่ความแรง จะส่งผลทำให้ผู้โดยสารบนเครื่อง เสียชีวิตถึง 40 ราย จากจำนวนทั้งหมด 53 คน!
ที่สำคัญคือ ในจำนวนนั้น ยังเป็นถึงพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ที่โดยสารมากับเครื่องลำดังกล่าว ซึ่งน่าสลดใจเป็นอันมากเพราะท่านถึงแก่มรณภาพ 5 รูปพร้อมกัน ประกอบด้วย
1.พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร วัดป่าแก้ว บ้านชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
2.พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม วัดสิริสาละวัน บ้านโนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู
3.พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วัดภูทอก อ.ศรีวิไล จ.หนองคาย
4.พระอาจารย์วัน อุตตฺโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อ.ส่องดาว จ.สกลนคร
5.พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม วัดป่าประสิทธิ์สามัคคี บ้านต้าย อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
ทั้งนี้ พระคณาจารย์ทั้ง 5 ได้รับอาราธนานิมนต์ทางกรุงเทพมหานครจึงได้รวมกันที่ จังหวัดอุดรธานี เพื่อขึ้นเครื่องบิน เพราะลูกศิษย์ต้องการถวายความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทาง ได้ขึ้นเครื่องบินที่อุดรธานี เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2523
ที่สุด เรื่องนี้ได้สร้างความเศร้าสลดอาลัยทั้งคณะสงฆ์ เพื่อนสหธรรมิก คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไปเป็นยิ่งนัก ที่ต้องสูญเสียครูบาอาจารย์พระป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ไปพร้อมกัน
ข่าวหลายแหล่งระบุตรงกันว่า ก่อนเครื่องจะตก ซึ่งเหลือระยะทางอีกเพียงประมาณ 20 กิโลเมตรเศษ จนเมื่อ เครื่องบินได้ตั้งลำ และลดเพดานบินเพื่อเตรียมลงสู่สนามบินดอนเมือง กลับต้องมาเจอ “พายุหมุน” และประกอบกับฝนตกหนัก จึงเสียหลักตกลงที่ท้องนาทุ่งรังสิต ทั้งนี้ ผู้ที่รอดชีวิตเป็นผู้ที่นั่งทางส่วนหางของเครื่องบิน เพราะส่วนหางของเครื่องบินยังอยู่ในสภาพดี
ทั้งนี้ เมื่อพระคณาจารย์ถึงแก่มรณภาพแล้ว จึงนำศพไปตกแต่งบาดแผลที่โรงพยาบาลภูมิพลและนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ วัดพระศรีมหาธาตุ โดยอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้ง 7 วัน
อย่างไรก็ดี ยังมีเรื่องราวอัศจรรย์ ซึ่งมีรายงานคำบอกเล่าของ **หลวงปู่หลุย จันทสาโร เมตตาเล่าถึงบุพกรรมที่ทำให้พระอริยเจ้าทั้ง 5 รูป ต้องประสบอุปัทวเหตุเครื่องบินตกในครั้งนี้ว่า**
**ในอดีตชาติ ท่านทั้ง 5 เกิดในสกุลชาวนาที่ยากจน ต้องขวนขวายหาเลี้ยงชีพไปวันๆ ทั้ง 5 คนเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกันมา เมื่อยังเด็กได้จูงควายออกไปเลี้ยงพร้อมกัน ผูกควายกันแล้วก็พากันเล่นและออกหากบเขียดไปเป็นอาหารตามประสาคนจน**
**ทีนี้ 1 ใน 5 คน เกิดไปเห็นรังนกเข้า ก็ช่วยกันหาไม้เขี่ยรังนกให้ตกลงมาเพื่อหวังเอาไข่นกไปกิน แต่เมื่อรังนกตกลงมากลับกลายเป็นลูกนก 3 ตัวแล้วตายสิ้น ไม่ใช่ไข่นกดังที่เข้าใจ**
**ด้วยวิบากกรรมอันนี้ส่งผลให้ท่านทั้ง 5 ต้องตกจากที่สูงมามรณภาพ ในเครื่องบินลำนั้นมีคุณหญิงท่านหนึ่งกลับจากไปปฏิบัติธรรมกับท่านพระอาจารย์จวนมาด้วย ท่านเลยมาสิ้นชีวิตพร้อมกัน**
**ในอดีต ขณะที่เด็กชายทั้ง 5 กำลังเขี่ยรังนกอยู่นั้น เด็กหญิงลูกชาวนาผู้เป็นน้องสาวของ 1 ใน 5 คนก็มายืนเชียร์อยู่ข้างๆ**
**“จะหล่นแล้ว...จะหล่นแล้ว”**
**โดยเธอไม่ได้ลงมือทำ เด็กหญิงในภพนั้นคือคุณหญิงในภพนี้ ก็เพียงมีจิตคิดยินดีในการประกอบอกุศลกรรมของผู้อื่น วิบากนั้นยังส่งผลมาให้เกิดในภพชาติเดียวกัน บันดาลให้ไปตกเครื่องบินพร้อมกัน**
แล้วถ้าทำเองเล่า ??? พูดถึงตรงนี้ หลวงปู่หลุยก็สั่งว่า
"**อย่าไปยินดีในการทำชั่วของคนอื่น** **เพราะเราจะมีส่วนในบาปนั้นด้วย แต่ให้ยินดีในการประกอบคุณงามความดีของตนและของคนอื่น เพราะจะได้แต่บุญโดยฝ่ายเดียว**"
#รวมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์7 #กฎแห่งกรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น