10 พฤษภาคม 2566

**วิภาวดี เสร็จกิจแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำไม่มีต่อไปอีก หลวงพ่อฤาษี**

**คืนวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ เวลาประมาณตี ๒ ปรากฏว่ามีฉัพพรรณรังสีรัศมี ๖ ประการปรากฏชัด มีแสงสว่างไสวเหมือนไฟฟ้าสักแสนแรงเทียนในห้อง เมื่อแสงสว่างหายไปก็ปรากฏรูปพระคล้ายพระสงฆ์มีความสวยสดงดงามมาก มีแสง ๖ สีพุ่งออกจากพระวรกาย**

ถ้าภาพอย่างนี้ปรากฏทางพระพุทธศาสนา ท่านเรียกว่าเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อปรากฏเป็นพระรูปพระโฉมขึ้นมาแล้วก็ทรงแย้มพระโอษฐ์แล้วก็ตรัสว่า

**“วิภาวดี..เสร็จกิจแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำไม่มีต่อไปอีก..!”**

**คำว่า “เสร็จกิจ” ก็หมายถึง “กิจที่จะต้องปฏิบัติตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทประหารไม่มีแล้วที่จะต้องทำ”**

**เมื่อมีพระสุรเสียงตรัสจบแล้วภาพนั้นก็หายไป อาตมาก็คิดในใจว่า เสียงอย่างนี้ ภาพอย่างนี้ เราเคยพบ เมื่อตรัสอย่างนี้เป็นพุทธพยากรณ์ ก็แสดงว่าท่านหญิงวิภาวดี รังสิต ต้องเป็นพระอรหันต์**

**ความจริงท่านหญิงวิภาวดี รังสิต เป็นลูกศิษย์เจริญพระกรรมฐานกับอาตมาเป็นเวลา ๘ เดือน **หลังจากที่ท่านมาเรียนพระกรรมฐานด้วยสัก ๗ วัน ไม่ใช่เกาะครูเป็นแต่เพียงมาศึกษาพอเข้าใจแล้วก็กลับไปปฏิบัติเอง ๗ วันผ่านไปก็ปรากฏว่าท่านได้ธรรมปีติเป็นกรณีพิเศษเป็น "อุพเพงคาปีติ" สามารถควบคุมสมาธิได้ตามเวลาที่ต้องการ หลังจากนั้นท่านก็เจริญวิปัสสนาญาณ

**เพราะกรรมฐานมี ๒ อย่างคือ "สมถภาวนา" ด้านสมาธิจิตซึ่งต้องควบคู่กับวิปัสสนาญาณ ถ้าฝึกเฉพาะสมถภาวนาไม่ฝึกควบคู่กับวิปัสสนาญาณ ก็เอาดีไม่ได้ เมื่อสมาธิเข้มข้นดีแต่วิปัสสนายังอ่อน ตอนหลังท่านก็พยายามฝึกควบวิปัสสนาญาณให้มีความเข้มแข็งเท่าสมาธิจิต**

จากนั้นมาท่านหญิงวิภาวดีก็ตรัสเป็นปกติว่า “**ชีวิตไม่มีความหมาย สมบัติในวังวิทยุไม่มีความหมาย”** ความหมายของท่านก็คือ “พระนิพพาน” ฉะนั้นทรัพย์สินใดๆ ที่มีอยู่ก็ดีไม่ต้องการสะสมไว้ มีความต้องการอย่างเดียวคือ “**ทำอย่างไรชาวไทยทั้งประเทศจึงจะมีความสุข” ท่านเสียสละทุกอย่าง ทรัพย์สินส่วนพระองค์ท่านเสียสละมาก**

การเจริญพระกรรมฐานของท่านเข้าถึงจุดปลายคือเปล่งวาจา **“ต้องการพระนิพพาน”** ก่อนสิ้นชีพิตักษัยประมาณ ๓ เดือน พบหน้าใครท่านก็พูดว่า **“ทรัพย์สมบัติในวังวิทยุไม่มีความหมาย ชีวิตไม่มีความหมาย ฉันต้องการอย่างเดียวคือพระนิพพาน”**

แสดงว่าท่านมีจิตใจจับพระนิพพานเป็นอารมณ์จริงๆ มาเป็นเวลา ๓ เดือน ถ้าพูดกันตามพระไตรปิฎก คนที่จะมีอารมณ์รักพระนิพพานจริงๆ ก็ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป แต่ท่านหญิงตอนนั้นจะเป็นพระโสดาบันหรือไม่นั้น อาตมาไม่รับรองเพราะไม่ใช่พระพุทธเจ้า พูดตามอาการที่ปรากฏ

ถ้าพุทธพยากรณ์นั้นเป็นจริง คือว่า** “ตามธรรมดาฆราวาสถ้าเป็นพระอรหันต์วันนี้ วันรุ่งขึ้นก็ต้องนิพพาน” การนิพพานของพระอรหันต์ที่ยังเป็นฆราวาสที่ไม่สามารถบวชเป็นพระได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงบวชไม่ได้ ผู้ชายถ้าบวชทันได้ไม่เป็นไร**

**ฉะนั้น “การนิพพานของพระอรหันต์ที่ยังเป็นฆราวาสนี่ ก็ต้องนิพพานด้วยอุบัติเหตุ”**

**เครื่องบินที่ท่านหญิงวิภาวดีนั่ง ถูกยิง ๙๘ รู** แต่ทะลุเพียงนัดเดียวนอกนั้นไม่ทะลุเครื่องบินเลย กระสุนนัดนั้นแหละที่สังหารท่านหญิงวิภาวดี คือทะลุท้องเครื่องบินขึ้นมาทะลุหัวรองเท้าของ ผู้กำกับฯ สุดินทร์ แล้วทะลุเข้าข้างหลังท่านหญิงวิภาวดี

เมื่ออาตมาไปถึงเห็นท่านหญิงนอนนิ่ง จึงขึ้นไปบนเครื่องบินก็ทำพิธีแบบพระ “ขออาราธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ทั้งหมด อาราธนาขอให้บรรเทาทุกขเวทนาของท่าน” เพราะทราบว่าท่านเจ็บมาก เห็นท่านนอนเฉยๆ

จึงถามว่า “**ท่านหญิงปวดไหม**”

ท่านก็ตรัสว่า “**ปวดเจ้าค่ะ หายใจขัดๆ**”

แล้วท่านก็เปล่งวาจาดังๆ ว่า

**“....โลกนี้เป็นทุกข์ ร่างกายเป็นทุกข์ ไม่ต้องการอีก ขอไปนิพพาน ขอลาไปนิพพาน”**

แล้วก็เปล่งวาจาดังขึ้นอีกว่า**“หลวงพ่อ หลวงปู่ กรุณากราบทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงทราบ และทูลท่านชายปิยะให้ทรงทราบด้วยว่า หญิงขอลาไปนิพพาน”**

แล้วท่านก็เปล่งวาจาอีกว่า**“นิพพาน..นิพพาน..นิพพาน**” นิ่งสักประเดี๋ยวเวลาผ่านไป ๓ นาทีได้ ท่านก็เปล่งเสียงดังๆ ว่า

**“โอ สว่างแล้วๆ เห็นนิพพานแล้วๆ นิพพานสวยเหลือเกิน หญิงขอลาไปนิพพานแล้ว หลวงปู่ หลวงพ่อ หญิงขอลาไปนิพพาน ขอหลวงพ่อได้กรุณากราบทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ และท่านชายปิยะด้วยว่า หญิงขอลาไปนิพพาน” พอสิ้นเสียงก็ปรากฏว่าท่านสิ้นลมปราณ**

สรุปความจากเรื่อง พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงวิภาวดี รังสิต
 ก่อนสิ้นชีพิตักษัยทรงเปล่งวาจาว่า..หญิงขอลาไปนิพพาน
 โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

#รวมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์12 #หลวงพ่อฤาษี6

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...