๑.
เรื่อง.* บัญชีสำนักพระยายม กำหนดวันตายไว้แล้ว ทุกคน *
* โอวาท :
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ~พระราชพรหมยานฯ
" คนตายได้ทุกสถานที่
ถ้าถึงวาระที่มันจะตาย ต้องทราบว่า.. ความตาย เขากำหนดสถานที่ และเวลาไว้แล้ว..
~ เราจะไปไหน
ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้ายังไม่ถึงวาระที่เขากำหนด มันก็ไม่ตาย..
* พอถึงวาระ
ที่เขากำหนดไว้แล้ว มันต้องตายแน่ เราจะไปคิดว่า.. ตายนอกบ้าน ตายในบ้าน ไม่แน่นอน..
* อยากจะรู้
ก็ไปดูบัญชีที่ พระยายม ขอท่านดูได้ ว่า.. เราจะตายเมื่ออายุเท่าไร.. เป็นโรคอะไร.. ตายที่ไหน.. อาการตายเป็นอย่างไร.. เวลาตายเวลาเท่าไร.. มันรู้..
~ เขามีไว้ครบ
ก่อนที่เราจะมาเกิด นี่.. เขาบอกเวลาตายไว้แล้ว เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้ว ไม่ต้องคำนึงว่า มันจะตายเมื่อไร จะตายอย่างไรก็ช่าง.. จิตดวงนี้ เรามุ่ง นิพพาน อย่างเดียว..."
( จากหนังสือ *รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ* ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เล่มที่ ๙ หน้าที่ ๑๕ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี )
----------
๒.
เรื่อง.* ภาพที่เห็น ก่อนตาย *
* โอวาท
: หลวงพ่อฤาษีลิงดำ~พระราชพรหมยานฯ
..." ถ้าบารมีของเรายังอ่อน
ถ้าเวลาตาย.. เห็นกองไฟ.. มีความสุก เพราะอะไรรู้ไหม.. ปลาจะสุกได้เพราะไฟใช่ไหม.. นั่นลงนรกแน่นอน..
~ ถ้าเห็นป่า ..
จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน..
~ ถ้าเห็นก้อนเนื้อ ..
จะไปเกิดเป็นมนุษย์..
* ทีนี้
ถ้าเราเป็นคนมีบุญ เมื่อมันจะตายจริง ๆ ถึงแม้จะมีบุญน้อย เรานึกถึงพระพุทธเจ้า ได้ นึกถึง "พุทโธ" ไว้..
* ขณะนั้น
ถึงแม้จะมีทุกขเวทนาก็ตาม.. แต่ว่า ตอนต้นเรานึกถึง "พุทโธ" ไว้.. ก่อนจะตายประมาณ ๓ วัน จะมีรถทิพย์มารับ พร้อมกับเทวดานางฟ้าแวดล้อม..
* ถ้าเราเห็น
เทวดานางฟ้า อยู่ข้างหน้า.. พรหม อยู่ตรงกลาง.. พระอรหันต์อยู่ข้างหลัง.. เราก็เกิดบนสวรรค์..
* ถ้าเราเห็น
พรหม อยู่ข้างหน้า.. พระอรหันต์อยู่ตรงกลาง.. นางฟ้าเทวดาอยู่เบื้องหลัง.. เราไปเกิดเป็นพรหม..
* ถ้าเราเห็น
พระอรหันต์อยู่แถวหน้า พระพุทธเจ้าอยู่แถวหน้า นั่นเราไป นิพพาน แน่..."
( จากหนังสือ *ธัมมวิโมกข์* พ.ศ.๒๕๖๓ ฉบับที่ ๔๗๓ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี )
---------
๓.
เรื่อง.* กายเสีย ปากเสีย เพราะใจมันเสีย *
โอวาท : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ~พระราชพรหมยานฯ
..." ถ้าจิตของเรา ทรงอยู่ในพรหมวิหาร ๔ แล้วมีอะไรบ้าง ที่มันจะเกิดขึ้น นั่นก็คือ ศีลบริสุทธิ์ ไม่ต้องระมัดระวังศีล..
~ ความเป็นผู้มีเหตุมีผล มีความเคารพในองค์สมเด็จพระทศพล ก็มีพร้อมบริบูรณ์ เพราะอะไร.. เพราะคนที่ทรงศีลบริสุทธิ์ ก็แสดงว่า มีความเคารพในพระพุทธเจ้า มีความเคารพในพระธรรม มีความเคารพ ในพระสงฆ์..
~ เพราะว่า.. พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงแนะนำให้จิตอยู่ในขอบเขตนี้ เรามีความเคารพในองค์สมเด็จพระชินศรี เป็นต้น เราจึงมีศีลบริสุทธิ์ เราจึงรู้จักอายความชั่ว เกรงกลัวความชั่ว..
~ จึงได้มีการประกอบความดี คือ จิตทรงพรหมวิหาร ๔ มี.. หิริ และ โอตตัปปะ นึกถึงความตายเป็นอารมณ์ อยู่ที่ไหนก็มีแต่ความเยือกเย็น มีแต่ความเป็นสุข เราก็เป็นสุข บุคคลอื่นก็เป็นสุข เพราะ กายไม่เสีย ปากไม่เสีย..
* ถ้า.. กายเสีย ปากเสีย ก็แสดงว่า ใจมันเสีย เสียมากจนล้น มาถึงกาย ถึงวาจา นี่เป็นอันว่า ถ้าทรงคุณธรรมอย่างนี้ได้ ความเป็น "พระโสดาบัน" ก็ย่อมปรากฏ..."
( จากหนังสือ *รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ ของ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน* เล่มที่ ๗ หน้าที่ ๖ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี )
---------
๔.
เรื่อง.* นึกถึงลมหายใจเข้าออก ก่อนจับภาพพระ *
* โอวาท
: หลวงพ่อฤาษีลิงดำ~พระราชพรหมยานฯ
" ที่ให้ภาวนา
พุทโธ และให้นึกถึงภาพพระ นึกถึงภาพพระพุทธรูป เป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน..
~ ถ้าหากว่า
พระสีเหลืองเป็นทองคำ เป็น ปีตกสิณ..
~ พระสีเขียว
หรือ สีดำ เป็น นิลกสิณ..
~ พระสีขาว
เป็น โอทาตกสิณ..
.. นี่เป็นได้ทั้งสองอย่าง และก็เป็นกสิณ ด้วย..
~ ทั้งพยายาม
ทำจิตจับภาพพระพุทธรูปไว้ในใจ คือ เห็นลอยอยู่ตรงหน้า อยู่ตรงไหนก็ได้ ไม่ว่าอะไร ใช้ได้หมด..
* อย่างนี้
ไม่ช้า อารมณ์จิต ก็จะเป็นฌานโดยง่าย ทั้งเวลาจับภาพพระ จิตก็นึกถึงลมหายใจเข้าออกไว้ด้วย ลมหายใจ เข้าออกนี่ เราทิ้งไม่ได้ แต่ก่อนที่จะจับภาพพระ เราก็นึกถึงลมหายใจเข้าออกเสียก่อน..
* ทำใจให้สบาย
แล้วค่อยจับภาพพระ จนกระทั่งจิตนี่ ทรงตัว.. นั่งอยู่ เดินอยู่ ยืนอยู่ ไปทางไหนอยู่ ภาพนั้นปรากฏ ติดตาติดใจอยู่ตลอดเวลา อย่างนี้ ชื่อว่า เราได้ฌานในกสิณ..."
( จากหนังสือ *รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ ของ หลวงพ่อพระราชพรหมยา* เล่มที่ ๑ หน้าที่ ๑๕ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี )
------
๕.
เรื่อง.* บุคคล ๔ ประเภท ~ บัว ๔ เหล่า *
โอวาท : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ~พระราชพรหมยานฯ
..." อาตมาถือตามคำพระพุทธเจ้าว่า.. "นัตถิ โลเก อนินทิโต" คนไม่ถูกนินทาเลยไม่มีในโลก..
~ อย่าง พระพุทธเจ้า ทรงดีแสนดียังถูกคนด่าคนนินทา นี้เป็นเรื่องธรรมดา
~ ฉะนั้น ขอคนที่ฟังก็ดีก็อย่าเพิ่งนึกโกรธ เพราะคนเราที่เกิดมาในโลกนี้ พระพุทธเจ้าแบ่งอารมณ์ไว้ ๔ อย่าง..
๑. อุคฆฏิตัญญู
~ สำหรับขั้น "อุคฆฏิตัญญู" นั้น เป็นคนที่มีบารมีกำลังใจดีมาก และมีความเฉลียวฉลาดมาก มีความรอบคอบมาก จะพูดจะทำอะไรเรียบร้อยทุกอย่าง
ไม่มีทำให้ใครสะดุ้งสะเทือนสะดุด มีความหวังดีอย่างเดียว คือ.. ตั้งใจให้ทุกคนมีความสุขเมื่อเห็นท่าน ได้ยินเสียงท่านพูดจะมีความสุข บุคคลประเภทนี้ พระพุทธเจ้าบอกว่า.. บารมีเต็ม ท่านมีความฉลาดมาก แนะนำเพียงหัวข้อ ก็สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้
* วิปจิตัญญู
~ สำหรับบุคคลประเภทที่ ๒ รองลงมา "วิปจิตัญญู" นี้ มีบารมีเต็ม มีความฉลาดมากแต่ว่า.. ปฏิภาณไวน้อยกว่ารุ่นแรกหน่อยหนึ่ง แนะนำเพียงหัวข้อไม่เข้าใจ ต้องอธิบายนิดหน่อยจึงเข้าใจ แล้วก็บรรลุมรรคผล
* เนยยะ
~ บุคคลอันดับที่ ๓ "เนยยะ" ชั้น เนยยะ นี้ ถ้าสอนเพียงเข้าถึงไตรสรณคมน์ ย่อมได้ ถ้าต้องการให้เป็นพระอริยเจ้าต้องปลุกปล้ำกันมากหน่อย
* ปทปรมะ
~ สำหรับประเภทที่ ๔ "ปทปรมะ" ประเภท ปทปรมะ เป็นคนไม่มีเหตุไม่มีผล เป็นเพราะเป็นพวกมาจากอบายภูมิ มีความมุ่งหวังอย่างเดียว ทำลาย
ใครจะทำความดีที่ไหนก็ช่าง หวังทำลายอย่างเดียว ถ้าทำร้ายเขาได้ อาจจะมีความสุขใจ ถ้าทำลายไม่ได้อาจจะมีความทุกข์ใจ
* แต่ว่าคนประเภทนี้ หาความสุขอะไรไม่ได้เลย เพราะจิตใจเป็นจิตใจของสัตว์ในอบายภูมิ..."
( จากหนังสือ *ธัมมวิโมกข์* พ.ศ. ๒๕๒๖ ฉบับที่ ๓๘ หน้าที่ ๒๐๔-๒๐๖ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น