**สมเด็จองค์ปฐม **ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
**๑. **การรู้ตนเองว่ายังบกพร่องเรื่องสติสัมปชัญญะนั้น ก็เป็นธรรมดาเพราะอานาปานัสสติของพวกเจ้านั้นยังไม่ทรงตัว ให้หมั่นกำหนดรู้เข้าไว้ แล้วให้ระลึกไว้เสมอว่า ในชีวิตของเรามีความปรารถนาอันใดสูงสุด (ก็ตอบว่า พระนิพพาน)
**๒. ในเมื่อต้องการพระนิพพาน ก็จงมีสติ สัมปชัญญะกำหนดรู้เอาไว้ด้วยว่า ทำอย่างไรจึงจักก้าวถึงซึ่งพระนิพพานได้ในชาติปัจจุบัน วิริเยนะทุกขะมัจเจติ อย่าลืมจักล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียรของเจ้าเองเป็นสำคัญ**
**ธรรมอดีตก็เป็นธรรมอดีต รู้อนาคต รู้อดีต รู้ปัจจุบันให้เห็นความเป็นจริง แล้วอารมณ์จักมีความสุข เพราะไม่ดิ้นรนให้เกินไปจากความเป็นจริง ตถาคตกล่าวเพียงสั้นๆ แค่นี้ นำเอาไปคิดดูใคร่ครวญเอาเองก็แล้วกัน จักได้กำหนดอารมณ์พิจารณาธรรมดาได้ถูกในธรรมนั้นๆ**
**๓. ถ้าเห็นธรรมดาหมดเมื่อไหร่ หรือทำจิตได้ ไม่ฝืนธรรมดาเลย เมื่อนั้นเจ้าก็เป็นพระอรหันต์ **เวลานี้ยังไม่ใช่ จึงมีอารมณ์ฝืนเป็นธรรมดา แต่ไม่ควรทิ้งอารมณ์พิจารณาตัวนี้ ให้ทำไปเรื่อยๆ เพื่อจักเจริญธรรมอยู่ในจิตให้ยิ่งๆ ขึ้นไป จนกว่าจิตจักยอมรับนับถือกฎของธรรมดาอย่างจริงจัง
**๔. ให้ย้อนพิจารณาคำสอนที่เคยสอนมาเอาไว้เสมอๆ ความละเอียดในธรรม จักเข้าใจกระจ่างชัดเจนยิ่งขึ้น **เรื่องนี้ผู้ใดรู้จักบริโภค ผู้นั้นย่อมอิ่มเป็นธรรมดา ขี้เกียจหรือขยันก็อยู่ที่ตนเอง
**๕. **อนึ่ง ความหนักของจิตจักลดน้อยลง ถ้าหากคลายอารมณ์ของการเกาะติดอยู่ อยู่ในโลกธรรมทั้ง ๘ ประการ** เมื่อยามใดที่มีอารมณ์หนักใจ ให้ตรวจสอบหาสาเหตุของการที่ทำให้หนักใจ แก้ไขที่ตรงนั้น ให้พิจารณาไปจนถึงที่สุด ก็จักแก้ไขได้**
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้นเล่ม ๘ เดือนธันวาคม ๒๕๓๘ ตอน ๒
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
#สมเด็จองค์ปฐม4** **#ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น4
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น