พระสารีบุตรก็แนะนำด้วยการปฏิบัติตั้งแต่ต้นยันอรหันต์ ว่า "เวลานี้พวกผมเป็นปุถุชน ถ้าต้องการเป็นพระโสดาบันจะทำอย่างไรขอรับ
#ท่านก็บอกว่าตัดตัวเดียวคือ_สักกายทิฏฐิ สังโยชน์น่ะมันมี ๑๐ นะ ถ้าตัดกิเลสแต่ความจริงให้ตัดเฉพาะตัวหน้าตัวเดียว ถ้าเธอตัดสักกายทิฏฐิได้อย่างหยาบก็จะเป็นพระโสดาบัน
(#พระโสดาบันตัดร่างกายตัวเดียว)
คำว่า "สักกายทิฏฐิ" คือมีความรู้สึกว่าร่างกายเป็นเราเป็นของเรา เรามีในร่างกาย
ร่างกายมีในเรา ใช่ไหม ถือว่าร่างกายนี่มันเป็นเราเป็นของเรา เราเป็นเจ้าของกาย นี่เป็นความเข้าใจผิด แต่ความจริงร่างกายนี่มันไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกายจะมีสภาพต้องทอดทิ้งไป ใช่ไหมเถ้าแก่ใหญ่ คนตายแล้วไม่มีใครเอาร่างกายไปเลยใช่ไหม เอาว่าย่อๆ แค่นี้ก่อนประเดี๋ยวไม่ต้องจบ
ให้ตัดสักกายทิฏฐิทิ้ง พิจารณาขันธ์ ๕ ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ถ้าพูดเข้าใจง่ายๆ ก็คือ “ร่างกาย” ว่ามันไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ถ้าความรู้สึกอย่างหยาบเกิดขึ้นประจำใจคือทรงตัวเป็นฌาน ฌานอย่างหยาบ อย่างนี้เธอก็เป็นพระโสดาบัน
(#พระโสดาบันจะเป็นพระสกิทาคามี)
พระก็ถามว่า "ในเมื่อผมเป็นพระโสดาบันแล้วต้องการเป็นพระสกิทาคามีทำอย่างไร"
ท่านบอกว่า "ทำตัวนี้แหละ พิจารณาเรื่อยๆ ไป เมื่อจิตละเอียดลง คือจิตบรรเทาจากโลภะ ความโลภ โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง
ไอ้ตัวแรกหมายความว่าทรงศีลบริสุทธิ์ ในเมื่อเห็นว่าร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ในเมื่อสภาพร่างกายมันตายเราต้องไป ไปไหนบ้าง ไปอบายภูมิบ้าง ไปสู่สุคติบ้าง เราก็เลือกเฉพาะสุคติ สุคติไปได้อย่างไร ต้องไปได้ด้วยความดี มีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ และมีศีลบริสุทธิ์ นี่ตัวแรกนะ อย่างนี้เป็นอย่างหยาบ
( พระสกิทาคามีรักษากรรมบถ ๑๐ ได้ครบถ้วน)
ต่อไปเมื่อต้องการเป็นพระสกิทาคามีทำอย่างไร
ท่านบอกพิจารณาตัวเดิม จิตจะมีความรู้สึกละเอียดลง คือสามารถรักษากรรมบถ ๑๐ ไว้ได้ครบถ้วนนะ
กรรมบถ ๑๐ มีอะไรบ้าง คือ
☑️ทางกายก็คือ
๑.ไม่ฆ่าสัตว์
๒.ไม่ลักทรัพย์
๓.ไม่ประพฤติผิดในกาม
☑️ทางวาจาก็คือ
๑.ไม่พูดปด ไม่พูดมดเท็จ
๒.ไม่พูดคำหยาบ
๓.ไม่พูดส่อเสียด
๔.ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล
☑️ทางจิตใจก็คือ
๑. ไม่คิดอยากได้ทรัพย์สมบัติของใครโดยไม่ชอบธรรม
๒. ไม่จองล้างจองผลาญใคร
๓. มีความเห็นตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอน จิตละเอียดลง
“โลภ โกรธ หลง เบาลงมาก
แต่เมื่อจิตเราละเอียดแบบนี้ จิตจะต้องบรรเทาความโลภ ความโกรธ ความหลง ความรู้สึกน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกน้อยเต็มที่ ความโลภก็ดี ความโกรธก็ดี ความหลงก็ดี ฉันเหลือน้อยมากเบามาก จิตมีความละเอียดมาก
( ขั้นต่อไปเป็นพระอนาคามี)
ต่อไปพระก็ถามว่า “ในเมื่อผมเป็นพระสกิทาคามีแล้ว ต้องการเป็นพระอนาคามีทำอย่างไร"
ท่านสารีบุตรก็บอก "ทำตัวเดิมนั่นแหล่ะ ในที่สุดจิตมันตัด
🔹#กามฉันทะ ความพอใจในเพศ
🔹#ปฏิฆะ อารมณ์ไม่พอใจ คือความโกรธ มันจะตัดไปได้เอง ในเมื่อมันตัดไปได้แล้วก็
เป็นพระอนาคามี
(วางเฉยในร่างกายเป็นพระอรหันต์)
พระก็ถามต่อไปว่า “ในเมื่อผมเป็นพระอนาคามีแล้วผมจะเป็นพระอรหันต์ทำอย่างไร"
พระสารีบุตรก็บอกว่า "ทำตัวเดิมนั่นแหล่ะ ก็ตัดหมด ต่อไปเข้าถึง
#สังขารุเปกขาญาณ #วางเฉยในอาการร่างกายทั้งหมด มันจะมีอะไรก็ตามถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา จิตไม่เป็นทุกข์ก็เป็นพระอรหันต์
( อรหันต์ทำหนักขึ้นเพื่อความเป็นสุข)
พระก็ถามต่อไปว่า "ถ้าเป็นอรหันต์แล้วก็เลิกทำใช่ไหม” นี่มาบทขี้เกียจ
พระสารีบุตรบอกว่า "ไม่ใช่ เป็นอรหันต์แล้วทําหนักขึ้นเพื่อความอยู่เป็นสุข
เห็นไหม นี่พูดให้ฟัง นี่ยังไม่ได้แนะนำพูดให้ฟัง
📚พิมพ์จากหนังสือธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๒๘ ฉบับที่ ๓๐๙ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๙ หน้าที่ ๖๙~๗๐
⚜️คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม(ท่าซุง) จ.อุทัยธานี
📍เพจ:คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน , 🖊พิมพ์ธรรมทาน นภา อิน💕💕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น