26 พฤษภาคม 2566

#พระสารีบุตรสอนการเป็นพระโสดาบัน


    พระสารีบุตรก็แนะนำด้วยการปฏิบัติตั้งแต่ต้นยันอรหันต์ ว่า "เวลานี้พวกผมเป็นปุถุชน ถ้าต้องการเป็นพระโสดาบันจะทำอย่างไรขอรับ
#ท่านก็บอกว่าตัดตัวเดียวคือ_สักกายทิฏฐิ สังโยชน์น่ะมันมี ๑๐ นะ ถ้าตัดกิเลสแต่ความจริงให้ตัดเฉพาะตัวหน้าตัวเดียว ถ้าเธอตัดสักกายทิฏฐิได้อย่างหยาบก็จะเป็นพระโสดาบัน

(#พระโสดาบันตัดร่างกายตัวเดียว)

คำว่า "สักกายทิฏฐิ" คือมีความรู้สึกว่าร่างกายเป็นเราเป็นของเรา เรามีในร่างกาย
ร่างกายมีในเรา ใช่ไหม ถือว่าร่างกายนี่มันเป็นเราเป็นของเรา เราเป็นเจ้าของกาย นี่เป็นความเข้าใจผิด แต่ความจริงร่างกายนี่มันไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกายจะมีสภาพต้องทอดทิ้งไป ใช่ไหมเถ้าแก่ใหญ่ คนตายแล้วไม่มีใครเอาร่างกายไปเลยใช่ไหม เอาว่าย่อๆ แค่นี้ก่อนประเดี๋ยวไม่ต้องจบ

ให้ตัดสักกายทิฏฐิทิ้ง พิจารณาขันธ์ ๕ ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ถ้าพูดเข้าใจง่ายๆ ก็คือ “ร่างกาย” ว่ามันไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ถ้าความรู้สึกอย่างหยาบเกิดขึ้นประจำใจคือทรงตัวเป็นฌาน ฌานอย่างหยาบ อย่างนี้เธอก็เป็นพระโสดาบัน

(#พระโสดาบันจะเป็นพระสกิทาคามี)

พระก็ถามว่า "ในเมื่อผมเป็นพระโสดาบันแล้วต้องการเป็นพระสกิทาคามีทำอย่างไร"
ท่านบอกว่า "ทำตัวนี้แหละ พิจารณาเรื่อยๆ ไป เมื่อจิตละเอียดลง คือจิตบรรเทาจากโลภะ ความโลภ โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง

ไอ้ตัวแรกหมายความว่าทรงศีลบริสุทธิ์ ในเมื่อเห็นว่าร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ในเมื่อสภาพร่างกายมันตายเราต้องไป ไปไหนบ้าง ไปอบายภูมิบ้าง ไปสู่สุคติบ้าง เราก็เลือกเฉพาะสุคติ สุคติไปได้อย่างไร ต้องไปได้ด้วยความดี มีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ และมีศีลบริสุทธิ์ นี่ตัวแรกนะ อย่างนี้เป็นอย่างหยาบ

( พระสกิทาคามีรักษากรรมบถ ๑๐ ได้ครบถ้วน)

ต่อไปเมื่อต้องการเป็นพระสกิทาคามีทำอย่างไร 
ท่านบอกพิจารณาตัวเดิม จิตจะมีความรู้สึกละเอียดลง คือสามารถรักษากรรมบถ ๑๐ ไว้ได้ครบถ้วนนะ

กรรมบถ ๑๐ มีอะไรบ้าง คือ
☑️ทางกายก็คือ
 ๑.ไม่ฆ่าสัตว์
 ๒.ไม่ลักทรัพย์
 ๓.ไม่ประพฤติผิดในกาม

☑️ทางวาจาก็คือ
 ๑.ไม่พูดปด ไม่พูดมดเท็จ
 ๒.ไม่พูดคำหยาบ
 ๓.ไม่พูดส่อเสียด
 ๔.ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล

☑️ทางจิตใจก็คือ
 ๑. ไม่คิดอยากได้ทรัพย์สมบัติของใครโดยไม่ชอบธรรม
 ๒. ไม่จองล้างจองผลาญใคร
 ๓. มีความเห็นตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอน จิตละเอียดลง
   “โลภ โกรธ หลง เบาลงมาก
    แต่เมื่อจิตเราละเอียดแบบนี้ จิตจะต้องบรรเทาความโลภ ความโกรธ ความหลง ความรู้สึกน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกน้อยเต็มที่ ความโลภก็ดี ความโกรธก็ดี ความหลงก็ดี ฉันเหลือน้อยมากเบามาก จิตมีความละเอียดมาก

( ขั้นต่อไปเป็นพระอนาคามี)

ต่อไปพระก็ถามว่า “ในเมื่อผมเป็นพระสกิทาคามีแล้ว ต้องการเป็นพระอนาคามีทำอย่างไร"
ท่านสารีบุตรก็บอก "ทำตัวเดิมนั่นแหล่ะ ในที่สุดจิตมันตัด
🔹#กามฉันทะ ความพอใจในเพศ
🔹#ปฏิฆะ อารมณ์ไม่พอใจ คือความโกรธ มันจะตัดไปได้เอง ในเมื่อมันตัดไปได้แล้วก็
เป็นพระอนาคามี

(วางเฉยในร่างกายเป็นพระอรหันต์)

พระก็ถามต่อไปว่า “ในเมื่อผมเป็นพระอนาคามีแล้วผมจะเป็นพระอรหันต์ทำอย่างไร"
พระสารีบุตรก็บอกว่า "ทำตัวเดิมนั่นแหล่ะ ก็ตัดหมด ต่อไปเข้าถึง 
#สังขารุเปกขาญาณ #วางเฉยในอาการร่างกายทั้งหมด มันจะมีอะไรก็ตามถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา จิตไม่เป็นทุกข์ก็เป็นพระอรหันต์

( อรหันต์ทำหนักขึ้นเพื่อความเป็นสุข)

พระก็ถามต่อไปว่า "ถ้าเป็นอรหันต์แล้วก็เลิกทำใช่ไหม” นี่มาบทขี้เกียจ
พระสารีบุตรบอกว่า "ไม่ใช่ เป็นอรหันต์แล้วทําหนักขึ้นเพื่อความอยู่เป็นสุข

เห็นไหม นี่พูดให้ฟัง นี่ยังไม่ได้แนะนำพูดให้ฟัง

📚พิมพ์จากหนังสือธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๒๘ ฉบับที่ ๓๐๙ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๙ หน้าที่ ๖๙~๗๐
⚜️คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม(ท่าซุง) จ.อุทัยธานี
📍เพจ:คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน , 🖊พิมพ์ธรรมทาน นภา อิน💕💕

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...