ฉันจะให้ข้อคิดอยู่หนึ่งอย่างว่า..โยมมีสิ่งใดมากเท่าไหร่ โยมก็เป็นทุกข์กับสิ่งนั้นมากเท่านั้น ยิ่งเรามีสิ่งใดมากเท่าไหร่..เราก็ไม่อยากตาย เราก็จะมีแต่ความกลัวตายมากเท่านั้น แล้วก็จะยิ่งใกล้ความตาย นั้นอย่าหลงลืมว่าเราเกิดมาเพื่อตาย ขอให้จำไว้ให้มั่น..เกิดมาเพื่อตาย
แล้วต้องถามตัวเองได้ว่าก่อนที่เราจะตาย..เราจะทำอะไร มีเวลาเท่าไหร่ ถ้าโยมพยากรณ์ตัวเองได้..นั่นผู้ที่อยู่เหนือดวง ถ้ายังตอบตัวเองไม่ได้..ไม่มีทางที่จะเหนือกรรมได้ ถามว่าเกิดมาเพื่อตาย มีเวลาอีกเท่าไหร่ อยู่เพื่อทำอะไร มีอยู่แค่นั้นมนุษย์ที่มีค่า นอกเหนือนั้นเป็นผู้ที่ว่าไม่มีค่าอะไรเลยที่เกิดมา เข้าใจมั้ยจ๊ะ เค้าเรียกว่าเกิดมาเพื่อรกโลก
มนุษย์วิญญาณทั้งหลายรอเกิดอีกมากมาย เท่ากับมนุษย์ที่ยังมีอยู่ในโลกใบนี้ มีดวงจิตวิญญาณอีกมากมายที่รอเกิด เพราะมันเกิดทุกวันตายทุกวัน ถ้าเกิดอย่างเดียวไม่ตาย..ล้นมั้ยจ๊ะ นี่ขนาดตายบ้างแล้วนะ ยังแย่งกันทุกวันนี้ ดังนั้นต้องตายมากกว่านี้อีก เค้าจึงบอกว่ายุคนี้ต้องตายเป็นกลุ่มเป็นก้อนเป็นโขยง ไม่นั้นเค้าว่ามันล้น เข้าใจมั้ยจ๊ะ เหมือนในคุกสมัยนี้ก็ไม่พอที่จะขัง นรกก็เหมือนกัน มันแตกมันร้าวไปหมดแล้ว หนีมาเกิดบ้างก็มี..
นั้นต้องถามตัวเองให้ได้ว่าเรามีชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร ถ้าตอบอย่างอื่นว่าอย่างนั้นอย่างนี้ มนุษย์เกิดมาเพื่อตาย ต้องรู้ก่อนว่าตัวเองต้องตาย ถึงจะตอบได้ว่าเมื่อจะตายแล้ว..ก่อนตายทำอะไร อย่างนี้ถือว่าเกิดมาเป็นผู้มีบุญญาธิการสูง ต้องเกิดมาเพื่อตายก่อน แล้วก่อนตายจะทำอะไร นี่เรียกว่ารู้ชะตากรรมของชีวิตของตัวเอง เป็นผู้อยู่เหนือกรรม
เมื่อโยมตอบมาว่าต้องตายแน่แท้แล้ว โยมจะไม่ประมาทในการทำความดี จะไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง ว่าวันนี้ฉันจะทำความดี ฉันจะภาวนา ฉันจะสวดมนต์..จะไม่ผลัด เพราะถึงเวลากรรมมันมาให้ผลแล้ว โยมจะไปต่อรองอะไรไม่ได้เลย ถ้าบุญกุศลโยมไม่ได้สร้างเสบียงเอาไว้
วันใดถ้าโยมอยากวัดใจวัดบารมีของตัวเอง แม้จะว่าเพียงแค่สวดมนต์นี้ก็ตาม ว่าวันนี้รู้สึกว่าเหนื่อยหน่ายหมดกำลังใจ ท้อแท้ทั้งหลาย พูดภาษาชาวบ้านว่าขี้เกียจ เกียจคร้านก็เอาก็ดี..ไม่อยากทำแล้ว ขอเป็นวันนั้นวันนี้ จริงๆถ้าวันนั้นโยมสามารถทำได้ บารมีจะมีมาก เข้าใจมั้ยจ๊ะ แต่บุญกุศลโยมจะยังไม่มาก..
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าทำบุญอะไรไว้ได้มาก โยมทำบุญอะไรก็ได้ ถ้าทำแล้วโยมมีกำลังใจ มีจิตที่เบิกบาน เช่นว่าในขณะที่โยมสวดมนต์จิตใจโยมเบิกบาน แจ่มใส โยมสวดมนต์ ๑ ชั่วโมง โยมก็ได้บุญมหาศาลในขณะนั้น มันอยู่ที่กำลังใจคือจิตที่โยมสวดอยู่..มีความเอิบอิ่มเพียงใด
บางคนสวดแล้วจิตใจยังหดหู่ห่อเหี่ยว เศร้าหมองอยู่ จิตสวดไปแล้วไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวก็มี เค้าเรียกว่าบุญนั้นมันขาดสายไม่ต่อเนื่อง กำลังบุญเลยไม่เต็ม แต่บางคนแม้เพียงเจริญภาวนาชั่วขณะจิตหนึ่ง แต่จิตนั้นมีกำลังใจ มีปิติ มีความสว่างของจิตมาก นี่แหล่ะเค้าเรียกว่าอำนาจแห่งบุญก็มหาศาล เค้าจึงบอกว่าอย่าได้ดูถูกเพียงแค่เศษบุญเล็กน้อย..
นั่นหมายถึงว่าคนจะบรรลุธรรม แม้เพียงแค่เวลาเพียงเล็กน้อยก็สามารถบรรลุธรรมได้ เพราะคนมันจะตายใช้เวลานานหรือเปล่าจ๊ะ อ้าว..แค่ไม่กี่วินาทีก็ตายได้ เข้าใจมั้ยจ๊ะ
มูลนิธิเมืองธรรมพรหมรังสี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
โทร ๐๙๕ ๕๖๙๕๑๙๙ , ๐๘๑ ๙๒๙๓๒๒๒
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น