การที่พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า “อัตตา หิ อัตตะโน นาโถ โก หิ นาโถ ปะโร สิยา อัตตะนา หิ สุทันเตนะ นาถัง ละภะติ ทุลละภัง” แปลเป็นใจความว่า “ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน บุคคลอื่นใดใครเล่า จะเป็นที่พึ่งได้ เมื่อเราฝึกฝนตนเองดีแล้ว เราจะได้ที่พึ่งอันบุคคลอื่นพึงได้โดยยาก” นี่เป็นพุทธสุภาษิต ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเตือนว่า “อัตตา หิ อัตตะโน นาโถ” ตนแลย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน
คำนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะละพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และความดีทั้งหมด เราจะเข้าถึงความดีได้ ก็เพราะอาศัยการฝึกฝนตนเองก็คือ จิต คำว่าตนเองในที่นี้ได้แก่ จิต ไม่ใช่ร่างกาย คือเอาจิตของเราเข้าไปเกาะความดีเข้าไว้ ธรรมส่วนใดที่จะทำให้เราเข้าถึงพระนิพพานได้ เราทำส่วนนั้น ธรรมที่มีความสำคัญที่เราเห็นได้ง่าย คือ ตัดรากเหง้าของกิเลส
😲ตัดความโลภ
เราตัดด้วยการให้ทาน ทำจิตอยู่เสมอว่า เราจะให้ทานเพื่อทำลายโลภะ ความโลภ แล้วความโลภจะได้ไม่เกาะใจ
😡ตัดความโกรธ
ทีนี้อีกประการหนึ่ง รากเหง้าของกิเลส ได้แก่ โทสะ ความโกรธ เมื่อจิตของเราทรงพรหมวิหาร 4 เป็นปกติ เพื่อเป็นการหักล้างความโกรธ เมื่อ จิต ของเราทรงพรหมวิหาร 4 ความโกรธ มันก็ไม่มี
😧ตัดความหลง
ประการที่ 3 โมหะ ความหลง ตัวนี้เป็นตัวสำคัญ เป็นรากเหง้าใหญ่ เป็นตัวบัญชาการให้เกิดความรัก ความโลภ ความโกรธ ถ้าหลงไม่มีเสียอย่างเดียว ถ้าเราตัดความหลงตัวเดียวได้ละก็ เราตัดได้หมด ทีนี้การตัดตัวหลงเป็นอย่างไร ตัดตรง มรณานุสสติกรรมฐาน ก็คิดเสียว่า คนเราและสัตว์ทั้งหมด เกิดมาแล้ว ก็มีความตายเป็นที่สุด วัตถุต่างๆที่เป็นสมบัติของโลก มันมีการเกิด มีการก่อตัวเป็นเบื้องต้น และก็สลายตัวไปในที่สุดเหมือนกัน พัง วัตถุเรียกว่า “พัง” คนและสัตว์เรียกว่า “ตาย”
นี่เป็นอันว่า ความแน่นอนของชีวิตที่ทรงอยู่มันไม่มี หาความแน่นอนอะไรไม่ได้ มันมีการสลายตัวไปในที่สุด
พิจารณาให้เห็นจริงเป็นวิปัสสนาญาณ
เราก็มาหวนกลับ จับเอาวิปัสสนาญาณ จะแลเห็นว่ามันเกิด มันตายน่ะ เป็น สมถะ ถ้าหันมาจับตัวตายนี่ก็เป็นสักกายทิฏฐิ เป็น วิปัสสนาญาณไป ว่าทำไมมันถึงต้องตาย ร่างกายนี้มันเป็นของเรารึเปล่า ถ้าร่างกายมันเป็นของเราจริง มันจะตายได้อย่างไร เราคือจิต คิดอยู่เสมอว่า เราประคบประหงมร่างกายเราให้เป็นปกติ สร้างสรรค์ความเจริญให้กับร่างกาย อาหารประเภทไหนที่เขาว่ามีประโยชน์ เราพยายามหามากิน ถึงว่ามันจะแพง มันจะเหนื่อย มันจะยากอย่างไรก็ตาม ก็หามาบำรุงบำเรอร่างกายให้มันทรงตัว แต่แล้วในที่สุดร่างกายของเรามันทรงตัวหรือเปล่า มันหาความทรงตัวไม่ได้ มันเดินเข้าไปหาความตายทุกวัน ทรุดโทรมไปตลอดเวลา ทุกวันเวลาเรากินอาหารเข้าไป ถ้ามันเป็นของเราจริง เรากินมันเข้าไป เราไม่ต้องการให้มันหิว กินแล้วให้มันอิ่มตลอดกาล มันก็ไม่ยอม เราไม่ต้องการให้มันแก่ มันก็จะแก่ เราไม่ต้องกายให้มันป่วยมันก็ป่วย เราไม่ต้องการให้มันตาย มันก็จะตาย นี่เราไม่ต้องการให้มันทุกข์ แต่เราห้ามมันไม่ได้ ห้ามแก่ไม่ได้ ห้ามป่วยไม่ได้ ห้ามทรุดโทรมไม่ได้ ห้ามตายไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าป้องกันความทุกข์ไม่ให้มันเกิดแก่ มันหมอชั้นดีที่ไหนมีอยู่ นักวิชาการที่ไหนปรากฏอยู่ เข้าไปพยายามทำทุกอย่างให้ร่างกายมันมีความสุข เราหาความสุขจากร่างกายได้หรือเปล่า มันก็เปล่า ร่างกายมันมีแต่ความทุกข์ทุกลมหายใจเข้าออก ในเมื่อร่างกายมีอยู่ ทุกข์จากความหิวมันก็เกิด ทุกข์จากความหนาว ความร้อน มันก็เกิด ทุกข์จากความปวดอุจจาระมันก็เกิด ทุกข์เพราะความไม่สบายกายไม่สบายใจ ไม่สบายกายได้แก่ โรคภัยไข้เจ็บรบกวนมันก็เกิด ทุกข์จากความไม่สบายใจได้แก่ ความปรารถนาไม่สมหวัง กระทบกับอารมณ์ที่เราไม่ต้องการมันก็เกิด
เป็นอันว่า ตลอด 24 ชั่วโมง เราหาความดีจากร่างกายไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชิคัจฉา ปรมาโรคา โรคที่ประจำกายอย่างยิ่งนั่นคือ โรคหิว หิวในอาหารมันก็หิว มันก็สร้างความทุกข์ให้เกิด แต่ความหิวในอาหาร ถ้าเราไม่มีโอกาสบริโภคอาหารได้ ความทุรนทุรายมันก็เกิด ใจก็ไม่สบาย นี่ตัวหิวน่ะ มันมีตลอดวัน แล้วมันก็มีตลอดกาลตลอดสมัยยันตาย ในเมื่อความหิวมันเป็นเครื่องเสียดแทงร่างกาย เสียดแทงจิตใจ มันจะมีความสุขได้อย่างไร มันก็เป็นความทุกข์
ความหิว มันไม่ใช่หิวแค่อาหาร หิวอยากจะได้โน่น หิวอยากจะได้อย่างนี้ มันหิวทางใจ ความปรารถนาทางใจมันเกิดขึ้นมา มันก็มีความทุกข์อีก
ถ้าความปรารถนาไม่สมหวัง คือว่าความปรารถนาจะสมหวังได้ ก็ต้องตั้งใจตะเกียกตะกายประกอบกิจการงานรวบรวมทรัพย์ เพื่อจะได้ของสิ่งนั้นมาเป็นสมบัติของเรา
นี่เป็นภัยใหญ่ คือ ความเหน็ดเหนื่อยของร่างกาย เป็นการทรมานร่างกาย แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เราปรารถนาได้มาสมหวังแล้ว ในกาลต่อไป ถ้าตายไป เราเอาไปได้หรือเปล่า มันก็ไม่ได้ ไม่มีอะไรเอาไปได้เลย เป็นอันว่า ร่างกายนี้ไม่มีประโยชน์ การเกิดมามีร่างกาย มีแต่โทษ มีแต่ความทุกข์ มีแต่เดือดร้อน มันหาประโยชน์อะไรไม่ได้ นี่เราจะมานั่งเมาร่างกายเพื่อประโยชน์อะไร
ทีนี้เรามาตัดตัวหลงกัน โดยมากเรามักหลงตัวเป็นสำคัญ ที่เราต้องเหน็ดเหนื่อยด้วยประการทั้งปวง ก็เพราะเราหลงตัวเรา การทำทุกอย่าง แสวงหาของทุกอย่าง ก็เพื่อประโยชน์แก่ร่างกายอย่างเดียว สำหรับจิตใจ เป็นแต่ความปรารถนาเท่านั้น หากว่าเราตายไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ไม่มีประโยชน์ แต่ว่าการหากิน การแสวงหาทรัพย์สิน ถือว่าเป็นหน้าที่ของการทรงอยู่ แต่ว่าทำใจของเราไปปลดเสีย อย่าไปเมาในทรัพย์สิน อย่าคิดว่าเราจะอยู่กับมันตลอดกาล ตลอดสมัย ทำใจให้สบาย
🖊️📖คัดลอกจากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ ฉบับเดือนกราฎาคม 2559 หน้า 67-69
🖊️นภา อิน🙏🙏
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น