กายคตานุสสติ เห็นว่าร่างกายเป็นขิ้น เป็นท่อน ไม่เป็นแท่งทึบ
อสุภกรรมฐานบวกเข้ามา เห็นว่าร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรก นี่มันเป็นของจริง ต้องพิจารณาสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ให้เป็น #เอกัคคตารมณ์ คำว่า #เอกัคคตารมณ์ เป็นอารมณ์เดียว นั่งอยู่ นอนอยู่ เดินอยู่ ยืนอยู่ จะเป็นเวลาไหนก็ตาม จิตใจเห็นอยู่เสมอว่าร่างกายเต็มไปด้วยความทุกข์ ร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรก เห็นคนอื่นเดินผ่านมา เราอย่าเอาตาไปติดกับผ้า แค่หนัง มองเลยหนัง ทะลุเนื้อเข้าไป ทะลุเนื้อเข้ามาถึงตับ ไต ใส้ ปอด เห็นอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนองอยู่ภายในมี ใส้ใหญ่ ตับ ไต ใส้ ปอดปรากฏอยู่ แล้วก็รู้ตัวให้ดีว่าเห็นคนเดินมาก็นึกว่า โอ้..นี่ส้วนเคลื่อนที่มาแล้ว นี่ ส้วมมันเป็นของสกปรก เราต้องการส้วมเข้ามาประคับประคองหรือยังไง ใจของเรานี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้หาความจริงของร่างกายให้พบ
🖊️อันนี้แหละเป็นกรรมฐาน ถ้าเราปฏิบัติกองนี้กองเดียวจนจิตเป็นเอกัคคตารมณ์ เรื่องการเป็นพระโสดาบัน สกิทา อนาคา อรหันต์ มันก็เป็นของไม่ยาก มันจบกองนี้กองเดียว ถ้าเราเอาจริงๆ สำคัญจะลืมสิ ลืมไป วินัยฟังทุกวัน ธรรมฟังทุกวัน ลืม ถ้าลองฟังทุกวันลืมล่ะก็ ตั้งใจไว้เลยว่าเราจะเอานรกขุมไหน อย่าไปนั่งนึกว่าจะมาเกิดเป็นมนุษย์เทวดาหรือพรหม เลือกไว้ให้ดีว่าเราจะเอานรกขุมไหนแน่ จะได้ตั้งใจไปให้มันตรง จะได้ไม่ต้องผ่านสำนักของพญายม
ถ้าหูยังสัมผัสอยู่กับธรรม เราก็ยังลืม หูสัมผัสอยู่กับพระวินัย เราก็ยังลืม นี่แสดงว่า เราลืมดี จะไปไหน ถ้าลืมสตางค์ก็กลายเป็นคนไม่มีสตางค์ คนไม่มีทรัพย์ไปไหนก็มีแต่ความลำบาก
🖊️นี่ธรรมขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นทรัพย์ เราเรียกว่า"อริยทรัพย์" คือทรัพย์อันประเสริฐ การที่จิตออกจากร่างกาย นำทรัพย์สินไปไม่ได้ แต่นำอริยทรัพย์ไปได้ แต่ถ้าหากว่าเรายังมีชีวิตอยู่เราลืมอริยทรัพย์ เวลาเวลาตายมันก็ลืม ก็ไม่มีโอกาสจะเอาไป
การที่องค์สมเด็จพระจอมไตรสอนให้พิจารณาหรือภาวนาเป็นปกติ เพื่อให้จิตมันชิน จิตมันจะได้เกาะจนมีอารมณ์เป็นฌานคือทรงอารมณ์ไว้ ไปไหนก็ตามข้อนี้ถ้าเป็นฌานนะ เห็นคนเห็นสัตว์เดินมา เห็นร่างกายเรามันสกปรกอยู่ตลอดเวลา มีแต่ความรังเกียจในร่างกาย ร่างกายของเราเองเราก็แสนที่จะรังเกียจ ร่างกายของบุคคลอื่นล่ะ ถ้าเรารังเกียจร่างกายของเราเอง แล้วดันไปรักร่างกายของคนอื่น ก็น่ากลัวจะสติไม่ดี ถ้าคนมีสติสัมปชัญญะดีเขาไม่ทำแบบนี้
ในเมื่อเราพิจารณาร่างกายของเรามันเต็มไปด้วยความสกปรก แล้วก็เต็มไปด้วยความทุกข์ อันนี้ต้องคิดถึงทุกวันแล้วก็ทุกลมหายใจเข้าออก เต็มไปด้วยความสกปรก แล้วก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นที่น่ารัก ถ้าจิตเราเข้าถึงฌานจริงๆ มันจะเกิดความรังเกียจร่างกาย เพราะมันสกปรกแล้วมันก็เต็มไปด้วยความทุกข์ หาความสุขไม่ได้
🖊️ทีนี้ทำไงเมื่อมันมีร่างกายเสียแล้วนี่ ก็ไม่อยากจะมีมันอีกสิ ร่างกายหรือขันธ์ ๕ เมื่อความรังเกียจร่างกายปรากฏ พระพุทธเจ้าเรียกว่า"นิพพิทาญาณ" เป็นวิปัสสนาญาณตัวที่ ๖ นี่มันใกล้จะจบวิปัสสนาญาณอยู่แล้วเห็นว่าร่างกายเต็มไปด้วยความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความสกปรกโสมม เป็นทีีสุด จิตของเราจะมีความรู้สึกเป็นอย่างไรกับร่างกาย ร่างกายมันหิว ร่างกายมันร้อน ร่างกายมันหนาว จิตของเราก็ตั้งอยู่ใน#สังขารุเปกขาญาณ ถือว่าอาการทั้งหมดของมันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ร่างกายจะต้องประสบ ใจของเราไม่เดือดร้อน ถ้ามันร้อนเกินไปก็หาเครื่องเย็นให้มัน มันหิวก็หาอาหารให้มันกินเพราะต้องอาศัยมัน มันหนาวก็หาความอบอุ่นให้ แต่ใจคิดไว้เสมอว่า เจ้าร่างกายกับเรานีีมันสกปรก เราอาศัยมันอยู่เราก็ปฏิบัติตามหน้าที่ ถ้ามันสลายตัวเมื่อไหร่ มันกับเราก็เลิกกัน ขึ้นชื่อว่าร่างกายจะไม่มีสำหรับเราต่อไปอีก มันจะมีกินได้อย่างไร ร่างกายมันสกปรกยังไม่พอ ยังเต็มไปด้วยความทุกข์ สร้างความทุกข์สร้างความยากให้เกิดขึ้น
🖊️ในเมื่อสังขารุเปกขาญาณเกิดขึ้นแล้ว เราไม่เมาในร่างกาย เห็นว่าร่างกายไม่ดี ไม่ไช่เราไม่ไช่ของเรา มันสกปรกแล้วเต็มไปด้วยความทุกข์ มันจะแก่ ใจก็สบายฉันรู้แล้วว่าแกจะแก่ อย่างนี้เรียกว่า#สังขารุเปกขาญาณ
ถ้ามันป่วยไข้ไม่สบายเราไม่เดือดร้อน เพราะธรรมดาของมันต้องป่วยไข้ไม่สบาย อย่างนี้เรียกว่า #สังขารุเปกขาญาณ การรักษาตัวเป็นการระงับเวทนาเป็นเรื่องธรรมดา แต่คิดไว้เสมอว่ามันจะพังเมื่อไร ก็เชิญพัง พังเมื่อไรก็เลิกกันเมื่อนั้น
🖊️เมื่อจิตใจของเราปลงได้อย่างนี้แล้ว การกระทบกระทั้งกับอารมณ์ภายนอกอย่าง นินทา สรรเสริญ ความสุข ความทุกข์ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ อะไรก็ตาม ถ้ามันเกิดขึ้นกับใจเราถือว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา มีอารมณ์ไม่หวั่นไหวเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ เป็นอาการของร่างกายที่ทรงอยู่ในโลก มันต้องเป็นอย่างนั้น ใจปกติไม่เดือดร้อน อย่างนี้เรียกว่า#สังขารุเปกขาญาณ
แล้วเวลาที่มันจะตายขึ้นมาจริงๆ เราก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เกิดแล้วมันต้องตาย เราหนีความตายไม่ได้ ใจปกติ จะตายก็เชิญตาย เราพร้อมแล้วกิจที่จะต้องทำเราครบถ้วนแล้ว ทางใดที่จะไปสวรรค์เราสร้างแล้ว ทางใดที่จะไปพรหมโลกเราทำแล้ว ทางใดที่จะไปพระนิพพานเราทำแล้ว เมื่อสิ่งทั้ง ๓ ประการครบถ้วน ความตายเป็นปกติ ตายจากความเป็นมนุษย์เสียดีกว่า เราเป็นเทวดาสบายกว่ามนุษย์มาก หรือเป็นพรหมเราสบายกว่าเทวดา ถ้าไปนิพพานสบายที่สุด ไม่กลับถอยลงมาอีก
🖊️นี่อารมณ์ใจของเราปกติมีความรู้สึกเป็นอย่างนี้ ก็ชื่อว่าจิตใจของเราเข้าถึงธรรมขององค์สมเด็จพระชินสีห์แน่ องค์สมเด็จพระชินวรกล่าวว่า กิจที่ท่านจะต้องทำ ได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำไม่มีอีก นั่นคือความเป็นอรหันต์
นี่กล่าวโดยย่อ การเจริญพระกรรมฐานความมุ่งหมายมีเท่านี้ แล้วก็ทำจริงๆ แค่นี้มันก็เป็นอรหันต์แล้ว ขอให้ใจเรารักจริงๆเท่านั้น อย่าหลอกตัวเอง อย่าหลอกชาวบ้าน อย่าเมาในความชั่วคิดว่าเป็นความดี
จงเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ สติ นึกไว้ สัมปชัญญะ รู้ตัวอยู่เสมอ สิ่งใดที่ควรไม่ควรให้มันรู้ ไม่ไช่จะไปนึกว่าควรไม่ควรตามอัธยาศัย เพราะธรรมวินัยมีอยู่ ศีลมีอยู่ คำสอนพระพุทธเจ้ามีอยู่ ศึกษาคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมครูให้ครบถ้วนแล้วปฏิบัติตามนั้น ให้มันตรงตามจุดที่พระพุทธเจ้าทรงสอน คำว่า "ดี" มันจึงปรากฏ
🖊️ถ้าจิตใจของเรายังเคารพในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า คือไม่ยึดถือเป็นกำลัง ไม่ค้นคว้า ไม่สนใจแล้วปฏิบัติตามอัธยาศัย สิ่งที่ไม่ควรคิดว่าควร สิ่งที่ควรคิดว่าไม่ควร ไปคว้าอารมณ์ผิดเข้ามาปฏิบัติ แทนที่จะมีผลตามที่องค์สมเด็จพระชินสีห์แนะนำว่าเราจะไปสวรรค์ พรหมโลก หรือนิพพาน ก็ไม่ต้องไปกันแล้ว โน่นกลับเหลียวหลังไปใหม่ ไปตั้งต้นจากนรกขึ้นมาใหม่
หากว่าเราเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระจอมไตรจริงๆ ถ้าเราไม่หลอกลวงชาวบ้าน ไม่หลอกตัวเอง ทั้งบรรดาภิกษุสามเฌร พุทธบริษัททั้งชายทั้งหญิง เรื่องการเป็นพระอริยเจ้านี่มันเป็นของไม่ยาก
ไอ้ที่ยากก็เพราะว่า"เราเลวเกินไป" ถ้าเราไม่ชอบเลวเสียอย่างเดียว เราชอบดีเสียอย่างเดียว มันก็ได้ดีเข้ามา นี่จิตใจ บางทีวาจา ไอ้ปากน่ะพูด ชอบอยากดีอย่างนั้น อยากดีอย่างนี้ แต่อารมณ์แห่งความดีเราไม่บูชา ไปบูชาความเลว แล้วมันจะเอาดีมาจากไหน
🖊️เอาล่ะ ต่อแต่นี้ไปขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย พยายามตั้งกายให้ตรงดำรงจิตให้มั่น กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ใช้คำภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัยจนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกหมดเวลา (๘๖/๒๕๓๑)
🙏🙏พระธรรมคำสอนพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทราราม(ท่าซุง)
🖊️📖จากหนังสือ พ่อสอนลูก หน้าที่๓๗๔~๓๘๑
🖊️พิมพ์พระธรรมโดย นภา อิน🙏🙏
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น