26 เมษายน 2563

เอกัคคตารมณ์​

กายคตานุส​สติ​ เห็นว่าร่างกาย​เป็นขิ้น​ เป็น​ท่อน​ ไม่เป็น​แท่งทึบ
อสุภกรรมฐาน​บวกเข้ามา​  เห็นว่าร่างกาย​เต็ม​ไปด้วยความสกปรก​ นี่มันเป็นของจริง​ ต้องพิจารณา​สิ่งทั้งหลาย​เหล่านี้ให้เป็น​ #เอกัคคตารมณ์  คำว่า​ #เอกัคคตารมณ์​  เป็นอารมณ์​เดียว​ นั่งอยู่​ นอนอยู่​ เดินอยู่​ ยืนอยู่​  จะเป็นเวลาไหนก็ตาม​ จิตใจเห็นอยู่เสมอว่าร่างกาย​เต็มไปด้วยความทุกข์​ ร่างกาย​เต็มไปด้วยความสกปรก​ เห็นคนอื่นเดินผ่านมา​  เราอย่าเอาตาไปติดกับผ้า​  แค่หนัง​ มองเลยหนัง ทะลุเนื้อเข้าไป​ ทะลุเนื้อเข้ามาถึง​ตับ​ ไต​ ใส้​ ปอด​ เห็นอุจจาระ​ ปัสสาวะ​ น้ำเลือด​ น้ำเหลือง​ น้ำหนอง​อยู่ภายในมี​ ใส้ใหญ่​ ตับ​ ไต​ ใส้​ ปอดปรากฏ​อยู่​  แล้วก็รู้ตัวให้ดีว่าเห็นคนเดินมาก็นึกว่า​ โอ้..นี่ส้วนเคลื่อน​ที่มาแล้ว​  นี่​ ส้วมมันเป็นของสกปรก​ เราต้องการส้วมเข้ามาประคับประคอง​หรือ​ยังไง​ ใจของเรานี่องค์​สมเด็จ​พระ​สัมมา​สัมพุทธ​เจ้า​สอนให้หาความจริงของร่างกาย​ให้พบ

🖊️อันนี้​แหละเป็นกรรมฐาน​ ถ้าเราปฏิบัติ​กองนี้กองเดียว​จนจิตเป็นเอกัคคตารมณ์​ เรื่องการเป็นพระโสดาบัน​ สกิทา​ อนาคา  อรหันต์​ มันก็เป็นของไม่ยาก​ มันจบกองนี้กองเดียว​ ถ้าเราเอาจริง​ๆ​ สำคัญ​จะลืมสิ​  ลืมไป​ วินัยฟังทุกวัน​ ธรรมฟังทุกวัน​ ลืม​  ถ้าลองฟังทุกวันลืมล่ะก็​ ตั้งใจไว้เลยว่าเราจะเอานรกขุมไหน   อย่า​ไปนั่งนึก​ว่าจะมาเกิดเป็นมนุษ​ย์เทวดา​หรือพรหม​  เลือก​ไว้​ให้​ดี​ว่าเราจะเอานรกขุมไหนแน่​ จะได้ตั้งใจไปให้มันตรง​ จะได้ไม่ต้องผ่านสำนักของพญายม
ถ้าหูยังสัมผัส​อยู่กับธรรม​ เราก็ยังลืม​ หูสัมผัส​อยู่กับพระวินัย​ เราก็ยังลืม​ นี่แสดงว่า​ เราลืมดี​  จะไปไหน​ ถ้าลืมสตางค์​ก็กลายเป็นคนไม่มีสตางค์​ คนไม่มีทรัพย์​ไปไหนก็มีแต่ความลำบาก

🖊️นี่ธรรม​ขององค์​สมเด็จ​พระ​ผู้​มี​พระ​ภาค​เจ้า​เป็นทรัพย์​ เราเรียก​ว่า​"อริยทรัพย์" คือทรัพย์​อันประเสริฐ​ การที่จิตออกจาก​ร่างกาย​ นำทรัพย์สิน​ไปไม่ได้​ แต่นำอริยทรัพย์​ไปได้​  แต่ถ้าหากว่าเรายังมีชีวิต​อยู่เราลืมอริยทรัพย์​ เวลา​เวลาตายมันก็ลืม​ ก็ไม่มีโอกาส​จะ​เอาไป
การที่องค์​สมเด็จ​พระ​จอมไตรสอนให้พิจารณา​หรือภาวนา​เป็นปกติ​ เพื่อให้จิตมัน​ชิน​ จิตมันจะได้เกาะจนมีอารมณ์​เป็นฌานคือทรงอารมณ์​ไว้​ ไปไหนก็ตามข้อนี้ถ้าเป็นฌานนะ​  เห็นคนเห็นสัตว์​เดินมา​ เห็นร่างกาย​เรามันสกปรกอยู่​ตลอดเวลา​ มีแต่ความรังเกียจในร่างกาย​  ร่างกาย​ของเราเองเราก็แสนที่จะรังเกียจ​ ร่างกาย​ของบุคคล​อื่นล่ะ​   ถ้าเรารังเกียจ​ร่างกาย​ของเราเอง​ แล้วดันไปรัก​ร่างกาย​ของคนอื่น​ ก็น่ากลัวจะสติไม่ดี​ ถ้าคนมีสติสัมปชัญญะ​ดีเขาไม่ทำแบบนี้
ในเมื่อเราพิจารณา​ร่างกาย​ของเรามันเต็ม​ไปด้วยความสกปรก​  แล้วก็เต็ม​ไปด้วยความทุกข์​ อันนี้ต้องคิดถึง​ทุกวันแล้วก็ทุกลมหายใจ​เข้าออก​ เต็ม​ไปด้วยความสกปรก​  แล้วก็เต็ม​ไปด้วยความทุกข์​ ไม่มีอะไรเป็นที่น่ารัก​ ถ้าจิตเราเข้าถึง​ฌานจริงๆ​ มันจะเกิดความรังเกียจ​ร่างกาย​ เพราะ​มันสกปรกแล้วมันก็เต็ม​ไปด้วยความทุกข์​  หาความสุขไม่ได้

🖊️ทีนี้ทำไงเมื่อมันมีร่างกาย​เสียแล้วนี่​ ก็ไม่อยากจะมีมันอีกสิ​ ร่างกาย​หรือขันธ์​ ๕​ เมื่อความรังเกียจ​ร่างกาย​ปรากฏ​ พระ​พุทธเจ้า​เรียกว่า​"นิพพิทาญาณ" เป็นวิปัสสนาญาณ​ตัวที่​ ๖​  นี่มันใกล้จะจบวิปัสสนา​ญาณ​อยู่​แล้วเห็นว่าร่างกาย​เต็ม​ไปด้วยความไม่เที่ยง​ เป็นทุกข์​ เป็นอนัตตา​ มีความสกปรกโสมม​ เป็นทีีสุด​  จิตของเราจะมีความรู้สึกเป็นอย่างไรกับร่างกาย​   ร่างกาย​มันหิว​ ร่างกาย​มันร้อน​ ร่างกาย​มันหนาว​ จิตของเราก็ตั้งอยู่ใน#สังขารุเปกขาญาณ​  ถือว่าอาการทั้งหมด​ของมันเป็นเรื่องธรรมดา​ ที่ร่างกาย​จะต้องประสบ​ ใจของเราไม่เดือดร้อน​ ถ้ามันร้อนเกินไปก็หาเครื่องเย็นให้มัน​ มันหิวก็หาอาหารให้มันกินเพราะ​ต้องอาศัย​มัน​ มันหนาวก็หาความอบอุ่น​ให้​ แต่ใจคิดไว้เสมอว่า​ เจ้าร่างกาย​กับเรานีีมันสกปรก​ เราอาศัย​มันอยู่เราก็ปฏิบัติ​ตามหน้าที่​ ถ้ามันสลายตัวเมื่อไหร่​ มันกับเราก็เลิกกัน​ ขึ้นชื่อว่าร่างกาย​จะไม่มีสำหรับ​เราต่อไปอีก​ มันจะมีกินได้อย่างไร​ ร่างกาย​มันสกปรกยังไม่พอ​ ยังเต็มไปด้วยความทุกข์​ สร้างความทุกข์​สร้างความยากให้เกิดขึ้น

🖊️ในเมื่อสังขารุเปกขาญาณ​เกิดขึ้นแล้ว​ เราไม่เมาในร่างกาย​ เห็นว่าร่างกาย​ไม่ดี​ ไม่ไช่เราไม่ไช่ของเรา​ มันสกปรก​แล้วเต็ม​ไปด้วยความทุกข์​ มันจะแก่​ ใจก็สบายฉันรู้แล้วว่าแกจะแก่​ อย่างนี้เรียกว่า​#สังขารุเปกขาญาณ
ถ้ามันป่วยไข้ไม่สบายเราไม่เดือดร้อน​ เพราะ​ธรรมดา​ของมันต้องป่วยไข้ไม่สบาย​ อย่างนี้เรียกว่า​ #สังขารุเปกขาญาณ​  การรักษาตัวเป็นการระงับเวทนาเป็นเรื่องธรรมดา​ แต่คิดไว้เสมอว่ามันจะพังเมื่อไร​ ก็เชิญ​พัง​ พังเมื่อไรก็เลิกกันเมื่อนั้น

🖊️เมื่อจิตใจของเราปลงได้อย่างนี้แล้ว​ การกระทบกระทั้งกับอารมณ์​ภายนอกอย่าง​ นินทา​ สรรเสริญ​ ความสุข​ ความทุกข์​ มีลาภ​ เสื่อมลาภ​ มียศเสื่อมยศ​ อะไรก็ตาม​ ถ้ามันเกิดขึ้นกับใจเราถือว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา​ มีอารมณ์​ไม่หวั่นไหว​เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ​ เป็นอาการของร่างกาย​ที่ทรงอยู่ในโลก​ มันต้องเป็นอย่างนั้น​ ใจปกติไม่เดือดร้อน​ อย่าง​นี้​เรียกว่า#สังขารุเปกขาญาณ
แล้วเวลาที่มันจะตายขึ้นมาจริงๆ​ เราก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา​ เกิดแล้วมันต้องตาย​ เราหนีความตาย​ไม่ได้​ ใจปกติ​ จะตายก็เชิญ​ตาย​ เราพร้อม​แล้วกิจที่จะต้องทำเราครบถ้วน​แล้ว​ ทางใดที่จะไปสวรรค์​เราสร้างแล้ว​ ทางใดที่จะไปพรหมโลกเราทำแล้ว​ ทางใดที่จะไปพระนิพพาน​เราทำแล้ว​  เมื่อสิ่งทั้ง​ ๓​ ประการครบถ้วน​ ความตายเป็นปกติ​ ตายจากความเป็นมนุษ​ย์เสียดีกว่า​  เราเป็นเทวดา​สบายกว่ามนุษย์​มาก​ หรือเป็นพรหมเราสบายกว่าเทวดา​ ถ้าไปนิพพาน​สบายที่สุด​ ไม่กลับถอยลงมาอีก

🖊️นี่อารมณ์​ใจของเราปกติมีความรู้สึกเป็นอย่างนี้​ ก็ชื่อว่าจิตใจของเราเข้าถึง​ธรรมขององค์​สมเด็จ​พระ​ชินสีห์แน่​  องค์​สมเด็จ​พระ​ชินวรกล่าวว่า​ กิจที่ท่านจะต้องทำ​ ได้ทำเสร็จ​แล้ว​ กิจอื่นที่จะต้องทำไม่มีอีก​ นั่นคือความเป็นอรหันต์
นี่กล่าวโดยย่อ​ การเจริญ​พระ​กรรมฐาน​ความมุ่งหมาย​มีเท่านี้​ แล้วก็ทำจริงๆ​ แค่นี้มันก็เป็นอรหันต์​แล้ว​ ขอให้ใจเรารักจริงๆเท่านั้น​ อย่าหลอกตัวเอง​ อย่าหลอกชาวบ้าน​  อย่าเมาในความชั่วคิดว่าเป็นความดี
จงเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ​สมบูรณ์​ สติ​ นึก​ไว้​ สัมปชัญญะ​ รู้ตัวอยู่เสมอ​ สิ่งใดที่ควรไม่ควรให้มันรู้​ ไม่ไช่จะไปนึกว่าควรไม่ควรตามอัธยาศัย​ เพราะ​ธรรมวินัยมีอยู่​  ศีลมีอยู่​  คำสอนพระพุทธ​เจ้า​มีอยู่​  ศึกษา​คำสอน​ของ​องค์​สมเด็จ​พระบรมครูให้ครบถ้วนแล้วปฏิบัติ​ตามนั้น​ ให้มันตรงตามจุดที่พระพุทธเจ้า​ทรงสอน​ คำว่า​ "ดี​" มันจึงปรากฏ

🖊️ถ้าจิตใจของเรายังเคารพ​ในพระธรรม​คำสอน​ของ​พระพุทธ​เจ้า​ คือไม่ยึด​ถือเป็นกำลัง​ ไม่ค้นคว้า​ ไม่สนใจแล้วปฏิบัติ​ตามอัธยาศัย​  สิ่ง​ที่ไม่ควรคิดว่า​ควร​ สิ่งที่ควรคิดว่าไม่ควร​  ไปคว้าอารมณ์​ผิดเข้ามาปฏิบัติ​ แทนที่จะมีผลตามที่องค์​สมเด็จ​พระ​ชินสีห์แนะนำ​ว่าเราจะไปสวรรค์​ พรหมโลก​ หรือนิพพาน​ ก็ไม่ต้องไปกันแล้ว​  โน่นกลับเหลียวหลังไปใหม่​  ไปตั้งต้น​จากนรกขึ้นมาใหม่
หากว่าเราเป็นสาวกขององค์​สมเด็จ​พระจอมไตรจริงๆ​ ถ้าเราไม่หลอกลวงชาวบ้าน​ ไม่หลอกตัวเอง​  ทั้งบรรดา​ภิกษุสามเฌร​  พุทธ​บริษัท​ทั้งชายทั้งหญิง​   เรื่องการเป็นพระอริยเจ้า​นี่มันเป็นของไม่ยาก
ไอ้ที่ยากก็เพราะว่า​"เราเลวเกินไป" ถ้าเราไม่ชอบเลวเสียอย่างเดียว​ เราชอบดีเสียอย่างเดียว​ มันก็ได้ดีเข้ามา​ นี่จิตใจ​ บางทีวาจา​ ไอ้ปากน่ะพูด​ ชอบอยากดีอย่างนั้น​ อยากดีอย่างนี้​  แต่อารมณ์​แห่งความดีเราไม่บูชา​ ไปบูชาความเลว   แล้วมันจะเอาดีมาจากไหน

🖊️เอาล่ะ​ ต่อแต่นี้ไปขอบรรดา​ท่าน​พุทธ​บริษัท​ทั้งหลาย​ พยายามตั้งกายให้ตรงดำรงจิตให้มั่น​  กำหนด​รู้ลมหายใจ​เข้าออก​ ใช้คำภาวนา​และ​พิจารณา​ตามอัธยาศัย​จนกว่าจะได้ยินสัญญาณ​บอกหมดเวลา​ (๘๖/๒๕๓๑)

🙏🙏พระธรรมคำสอน​พระเดชพระคุณ​หลวงพ่อ​พระราช​พรหมยาน​ วัด​จันทรา​ราม​(ท่า​ซุง)
🖊️📖จากหนังสือ​ พ่อสอนลูก​ หน้าที่๓๗๔~๓๘๑

🖊️พิมพ์​พระธรรมโดย​ นภา​ อิน🙏🙏

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...