28 เมษายน 2563

วิธีแยกจิตออกจากกายทำได้อย่างไร


ถาม : วิธีแยกจิตออกจากกายทำอย่างไร ?

ตอบ :
ท่านที่สามารถแยกจิตออกจากกายได้เด็ดขาดคือ ไม่ติดใจ ไม่มีเยื่อใยในกายอีกต่อไป ถือว่าจิตกับกายเป็นคนละส่วนกัน คือ พระอรหันต์ จิตของพระอรหันต์เป็นจิตที่มีประกายพรึกงดงาม แสงสว่างสดใส ไม่มีกิเลสพัวพันอีก

ท่านที่แยกจิตออกจากกายได้ 75 % คือ พระอนาคามี อีก 25 % ยังติดในรูปฌานและอรูปฌาน มานะ ถือตัว จิตฟุ้งซ่านในฝ่ายกุศลนอกเรื่องจากอรูปฌาน มานะ ถือตัว จิตฟุ้งซ่านในฝ่ายกุศลนอกเรื่องจากพระนิพพาน มีอวิชชา เล็กน้อย คิดว่าได้คุณธรรมแค่พระอนาคามีก็พอแล้ว อย่างไร ๆ ก็ได้ ไปเกิดชั้นสุทธาวาสเป็นพรหมสบาย ๆ อยู่แล้ว ค่อยไปปฏิบัติต่อที่พรหมเพื่อไปพระนิพพานต่อก็ได้

จิตที่ไม่ติดใจในกายได้ 50 % คือ จิตของพระสกิทาคามี ยังมีกามฉันทะ ปฏิฆะ ความโกรธไม่พอใจเล็กน้อย มีความเห็นตรงตามคำสอนพระพุทธองค์ มีศีล 5 ครบ มีกรรมบถ 10 ครบถ้วน ไม่พูดเพ้อเจ้อ หยาบคาย เหลวไหล

ท่านที่แยกจิตออกจากกายได้ 25 % คือ พระโสดาบัน ท่านเอาจิตไปพิจารณาว่ากายต้องตายเพราะกายเป็นธาตุ 4 เป็นของโลก จิตเป็นของละเอียด เป็นนามธรรมมาอาศัยกายซึ่งเป็นรังที่แสนสกปรกรกรุงรัง จิตต้องมีภาระดูแลทำความสะอาดทุกวันเหม็นเน่าสาบสางทุกวัน มีแต่โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนเป็นทุกข์เป็นโทษ กายเป็นที่อาศัยของจิตชั่วคราว สติพิจารณาตัวตนไว้ว่าตัวเราคือจิต กายทำอะไรให้จิต จิตทำอะไรให้กาย เป็นการพิจารณาที่ตัดสักกายทิฏฐิให้เห็นว่า กายกับจิตเป็นคนละส่วนกัน

ท่านที่แยกจิตออกจากกาย ความจริงจิตก็ยังอยู่อยู่ในกายนั่นแหละยังไม่ตาย แต่จิตไม่รักหวงแหนหลงใหลว่ากายเป็นของจริงเหมือนอย่างสมัยปุถุชน

เราท่านที่ยังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคลก็หัดแยกจิตออกจากกายตามวิธีที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ดังนี้

1. พิจารณาร่างกายเป็นธาตุ 4 ขันธ์ 5 (รูป-นาม) ไม่ใช่ตัวตนของเรา เราจริง ๆ คือ จิตหรือ อทิสมานกาย กายในที่เป็นนาม มองไม่เห็นแต่เป็นผู้รู้คิดผู้มีสติปัญญา ไม่หลงในกายที่มีแต่สิ่งสกปรก มีแต่ทุกข์ คือ หิวเหนื่อยร้อนหนาวปวดทุกวัน เมื่อกายตายจิตไม่ตายตามกาย

2. หัดแยกจิตออกจากกาย คือ หัดทำสมาธิ ด้วยอานาปานุสสติ กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกอยู่เสมอ มีพุท-โธ สัมมาอรหัง นะมะพะธะ นะโมพุทธายะ ประจำลมหายใจ จิตสะอาดด้วย พุทธานุสสติกรรมฐานและการกำหนดจิตตามลมหายใจเข้าหายใจออก จิตก็ไม่หลงติดพัวพันในร่างกายคนที่เรารักอีกต่อไป จะมีปัญญารู้ว่าไม่น่าติดใจหลงใหลใฝ่ฝันในกายเรากายเขาเพราะสกปรก ตายทุกคน ถ้าจิตเป็นฌาน 4 จิตจะมีพลังแก่กล้า ก็ช่วยให้แยกจิตออกจากกายได้เด็ดขาด ไม่มีความรู้สึกทรมานเป็นทุกข์เวทนาในรเมื่อร่างกายเจ็บป่วยใกล้ตายไม่ต้องใช้ยาระงับปวด เป็นประโยชน์ในการตายอย่างสงบสุข แต่ต้องฝึกเข้าฌานตอนที่ร่างกายดีแข็งแรงจึงจะได้ผล ถ้าฝึกสมาธิตอนป่วยจิตจะไม่สงบฟุ้งซ่าน ไม่เป็นสมาธิ

3. หัดแยกจิตโดยฝึกหัด มโนมยิทธิ ตามที่หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง อุทัยธานี สอนไว้ ให้ยกจิตหรืออทิสมานกาย ออกจากกายเนื้อที่เป็นกายจอมปลอมไปกราบองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานทุกวันวันละ 5 นาที ทำบ่อย ๆ จิตจะชินเมื่อใกล้ตายจะไปพระนิพพานได้ง่าย เพราะ จิตเป็นผู้ไป ตั้งใจไปไหนตายแล้วจิตจะไปที่นั่น แม้มีกิเลสวุ่นวายมากมาย แม้ก่อนตาย กายจะเจ็บปวดทรมาน จิตไม่สนใจในความอยากโกรธ ไม่เกลียด ไม่หลงในกายเห็นกายเป็นทุกข์โทษทรมานเป็นวิปัสสนาญาณ จิตกำหนดพระนิพพานไว้ทุกวัน จะเป็นพลังความดีที่ช่วยให้เข้าถึงพระนิพพานได้ง่าย ถ้านึกถึงพระพุทธองค์ทุกวัน พระพุทธเจ้าท่านเมตตาคน สัตว์อยู่แล้ว พระองค์ก็เปล่งฉัพพรรณรังสีมาให้ผู้ที่นึกถึงพระองค์ได้เห็นพระรูปพระโฉมที่งดงามเป็นทิพย์ของพระพุทธองค์ จิตของผู้ตายจะสดชื่นเบิกบานลืมความเจ็บปวดของกายหมด จิตสบายเป็นสุข ก็ติดตามพระพุทธองค์เข้าสู่พระนิพพาน ซึ่งเป็นทางลัดง่าย ๆ ที่จิตเราค่อย ๆ ทำไปให้มั่นใจ สักวันคงพ้นทุกข์แน่นอน

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...