สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระมหากษัตริย์ผู้ครองกรุงศรีอยุธยา ระหว่าง พ.ศ.2123 - 2198 ส่วนพระราชมารดานั้น เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ทรงพระราชสมภพวันจันทร์ เดือนยี่ ปีวอก พ.ศ.2175 ทำพระราชพิธี เบญจเพศในเดือนยี่ พ.ศ. 2199 และเหตุที่มีพระนามว่า " นารายณ ์" นั้น มีอ้างไว้ในพระราชพงศาวดารว่า เมื่อพระราชเทวีประสูตินั้น พระญาติวงศ์เหลือบเห็นเป็นสี่กร สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระราชบิดาจึงพระราชทานนามว่า " พระนารายณ์ราชกุมาร " แต่ในหนังสือ " คำให้การชาวกรุงเก่า " และ " คำให้การของขุนหลวงหาวัด " ว่า เมื่อเพลิงไหม้พระที่นั่งมังคลาภิเษก
สมเด็จพระนารายณ์ยังเป็นพระราชกุมารอยู่ เสด็จขึ้นไปดับเพลิง บรรดาคนทั้งปวงเห็นเป็นสี่กร ครั้นขึ้นเสวยราชสมบัติ ข้าราชการ ทั้งปวงจึงถวายพระนามว่า พระนารายณ์ สมเด็จพระนารายณ์มีพระอนุชาร่วมพระชนกหลายองค์ แต่ต่างพระชนนีกัน คือ เจ้าฟ้าศรีสุวรรณ ซึ่งเรียกกันว่า พระราชกัลยา เมื่อทรงพระเยาว์สมเด็จพระนารายณ์ได้รับการศึกษาจากพระโหราธิบดี และทรงใฝ่พระทัยศึกษาจาก พระอาจารย์พรหม พระพิมลธรรม และจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
เมื่อขึ้นเสวยราชย์ พ.ศ.2199 พระนามว่า " สมเด็จพระรามาธิบดี ที่ 3 " เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อวันพฤหัสบดี แรม 2 ค่ำ เดือน 12 จุลศักราช 1018 ปีวอก ตรงกับวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2199 พระชนมายุ 25 พรรษา ประทับเสวยราชย์ ณ กรุงศรีอยุธยา 10 ปี จึงโปรดให้สร้างเมืองลพบุรีขึ้นเป็นราชธานีแห่งที่สอง ในปี พ.ศ. 2209 พระองค์เสด็จประทับที่ลพบุรีปีหนึ่ง ๆ เป็นเวลาถึง 8-9 เดือน พระองค์สวรรคตเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 รวมดำรงราชสมบัตินาน 32 ปี สิริรวมพระชนมายุ 56 พรรษา มี พระราชธิดาพระองค์เดียวคือ กรมหลวงโยธาเทพ
ผลงานและเกียรติคุณ
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 27 ของกรุงศรีอยุธยา ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2199 - พ.ศ. 2231 พระองค์เป็น พระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถยิ่งจนได้รับการเทิดพระเกียรติเป็น " มหาราช " และทรงนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่กรุงศรีอยุธยา เป็นอย่างมากทรงมีพระบรมเดชานุภาพที่ยิ่งใหญ่ ทำสงครามกับอาณาจักรต่างๆ ใกล้เคียงได้รับชัยชนะหลายครั้งมีการเจริญสัมพันธไมตรี กับประเทศต่างๆ อย่างกว้างขวาง เช่น จีน ญี่ปุ่น ฮอลันดา อังกฤษ อิหร่าน ที่สำคัญที่สุดคือได้ส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนัก พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสถึง 4 ครั้ง จนได้รับการเทิดทูนว่าทรงเป็นนักการค้าและนักการทูตที่ ยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นยังทรงพระปรีชา ในด้านวรรณกรรมเป็นอย่างยิ่ง โดยทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีไว้หลายเรื่อง เช่น โคลงทศรถสอนพระราม พาลีสอนน้อง ราชสวัสดิ์ สมุทรโฆษคำฉันท์(ตอนกลาง) คำฉันท์กล่อมช้าง(ของเก่า) และพระราชนิพนธ์โคลงโต้ตอบกับศรีปราชญ์ และกวี มีชื่ออื่นๆ ทั้งยังทรงสนับสนุน งานกวีนิพนธ์ให้เฟื่องฟู เช่น สมุทรโฆษคำฉันท์ของพระมหาราชครู โคลงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ของหลวงศรีมโหสถ จินดามณีของพระโหราธิบดีซึ่งนับเป็นตตำราเรียนหนังสือไทยเล่มแรก และ อนิรุทธคำฉันท์ ของศรีปราชญ์ กวีเอกแห่งราชสำนัก เป็นต้น จนยุคนี้ได้ชื่อว่ายุคทองของวรรณคดีไทย
การที่พระองค์โปรดให้สร้างเมืองลพบุรีเป็นราชธานีที่สอง และโปรดประทับที่เมืองลพบุรีปีละ 8 - 9 เดือนนั้นเป็นการนำความเจริญ รุ่งเรืองมาสู่เมืองลพบุรี เพราะมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าสู่เมืองลพบุรี อาทิ ระบบประปา หอดูดาว สร้างกำแพงเมือง ประตูเมือง และป้อมปืนเมืองลพบุรี จึงคึกคักมีชีวิตชีวา ตลอดรัชกาลของพระองค์ มีการคล้องช้าง มีชาวต่างชาติ คณะทูตเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี มีบาทหลวงเข้ามาส่องกล้องดูดาว ดูสุริยุปราคา จันทรุปราคา เมื่อพระองค์สวรรคต เมืองลพบุรีก็ถูกทิ้งร้างอยู่ระยะหนึ่ง แต่ยังมีอนุสรณ์สถาน ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ณ เมืองลพบุรี เป็นมรดกตกทอด ให้ชาวเมืองลพบุรี ได้ภาคภูมิใจ ซึ่งเป็นพระราชานุสาวรีย์ที่เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2502 สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ. 2509 สมัยพลเอกถนอม กิตติขจร(ยศขณะนั้น) เป็นนายกรัฐมนตรี และทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2509 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ พระบรมราชา- นุสาวรีย์นี้เป็นพระรูปปั้นประทับยืนบนแท่นฐานสี่เหลี่ยม หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ทรงเครื่องฉลองพระองค์ เต็มยศ สวมพระพิชัยมงกุฎ พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ ที่แท่นฐานมีแผ่นป้ายประดิษฐานคำจารึกว่า
**สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง
ทรงพระราชสมภพ ณ กรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2175
สวรรคต ณ เมืองลพบุรี เมื่อ พ.ศ. 2231
พระองค์ทรงมีพระบรมราชกฤษดาภินิหารเป็นอย่างยิ่งในรัชสมัยของพระองค์
วรรณคดีและศิลปของไทยได้เจริญถึงขีดสูงสุด
มีสัมพันธไมตรีแผ่ไพศาลเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ประชาชนชาวไทย***
ได้ร่วมกันสร้างและประดิษฐานอนุสาวรีย์นี้ไว้ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2509
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น