กฎแห่งกรรม คือ..เหตุและผล เป็นกฎของธรรมชาติ ทำสิ่งใด รับผลของกรรมนั้นๆ เสมอ เรียก”วิบาก”
....จะกระทำทางกาย ทางวาจา และทางใจ จะดีหรือชั่ว เจตนาหรือไม่ บ้างรับผลในชาตินี้ บ้างรับผลชาติต่อไป บ้างรับผลในชาติต่อไปๆๆๆๆๆ..
“ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้” **
....กรรมส่งผลข้ามภพ ” จะตัดสินกันช่วงเวลาก่อนตายว่า จิตขณะนั้นเป็นอย่างไร
*. ถ้าจิตใส ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ เพราะจิตจับบุญกุศล
*.. ถ้าจิตหมองมัว ไปอบาย เพราะจิตจับบาปอกุศล
*..ถ้าจิตใสนิ่ง ไปพรหม อรูปพรหม
*..ถ้าจิตประกายพรึกเต็มดวง ไปนิพพาน เพราะจิตบริสุทธิ์ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ
เรา ชาวพุทธควรมีศรัทธา 4 อย่างคือ
1. เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
2. เชื่อเรื่องกรรมมีจริง
3. เชื่อผลของกรรม
4. เชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน
** บุคคลใด ไม่เชื่อเรื่องกรรม ไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิด คนพวกนี้ จะหลงทำกรรมชั่วทั้งกาย วาจา และใจ ได้ง่าย
***..ผู้ที่จะเข้าใจกรรมได้ถูกต้อง.. จะต้องเป็นผู้บรรลุพระโสดาบันเป็นอย่างน้อย หากเป็นท่านผู้ปรารถนาพุทธภูมิจะต้องเป็นผู้ที่ทรงอารมณ์ของพระอริยเจ้าได้ (ต้องเรียนรู้วิปัสสนาญาณ)
***เมื่อเรา ยังไม่เข้าถึงพระอริยะ เราจึงควรเร่งสร้างบารมี ทั้งบุญหยาบบุญละเอียด ทาน ศีล ภาวนา เอาให้หมด ให้จิตบันทึกกุศลแน่นๆ..และ..ทรงอารมณ์พระอริยเจ้าไว้ เพื่อปิดอบาย .ในชาตินี้
ที่มา
มโนธาตุ โพธิญาณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น