06 พฤศจิกายน 2563

หากไร้วาสนา ไร้ปัจจัยผูกพันต่อกัน ไม่สามารถโปรดกันได้

"...ผู้มีวาสนาต่อกันเท่านั้น จึงจะผูกพันต่อกัน..."
คุณเชื่อเรื่องวาสนาต่อกันไหม
ทำไมคนบางคนจึงได้เป็นกัลยาณมิตร
ต่อกัน ชี้ชวนแนะนำกันไปทำความดี 
ชวนได้โดยง่ายดาย..

แต่กับอีกหลายคนชวนเท่าไรก็ไม่ไป 
สอนกล่าวตักเตือนก็ไม่ฟัง 
ดีกับเขาเขาก็ไม่มีวันดีตอบ 
กลับคิดว่าเราประสงค์ร้าย 
ไม่เห็นความหวังดีของเรา

ไม่ต้องกังวลเดือดร้อนใจไป 
ทุกคนมีบุพกรรมของตนเอง ต้องเคยมีปัจจัยผูก
ฝ่ายกุศลต่อกัน ก็จะเป็นกัลยาณมิตรกัน
พระพุทธเจ้าก็มีสิ่งที่แม้พระองค์ก็ทำไม่ได้ 
สามอย่างที่บันทึกไว้ในมหายาน 

สามประการที่ว่าคือ..

1. ไม่สามารถโปรดสัตว์ที่ไม่มีวาสนาต่อพระองค์ 
2. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกรรมของสัตว์   
3. ไม่สามารถโปรดสัตว์ให้สิ้นได้
.
วันหนึ่งพระศากยมุนีพุทธเจ้า กำลังแสดงธรรมอยู่ 
แล้วทันใดนั้นพระพุทธองค์กล่าวแก่พระอานนท์ว่า 
“อานนท์เธอเอาถังน้ำใบหนึ่ง ไปเบื้องหน้า
ตามทางจะมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง 
มีหญิงชรานางหนึ่งกำลังซักเสื้อผ้าอยู่ 
ขอน้ำนางกลับมาถังหนึ่ง แต่จำไว้ ..
ต้องแสดงกิริยาสุภาพกับนางด้วย” 

พระอานนท์รับคำ แล้วก็นำถังน้ำเปล่า 
เดินไปทางที่พระพุทธองค์ทรงบอก คิดในใจว่า 
เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ยากเย็นอะไร 
ก็ไปถึงหมู่บ้านแห่งนั้น เห็นสตรีชราผมขาวนางหนึ่ง
กำลังซักผ้าอยู่จริงๆ พระอานนท์จึงกล่าวปิยวาจา 
ขอน้ำจากหญิงชรานั้นอย่างสุภาพ  
“แม่เฒ่า แม่เฒ่า ข้าอยากจะขอน้ำสักถังจะได้ไหม”

หญิงชรานั้น เมื่อได้เห็นพระอานนท์ 
เหมือนไม่รู้ไปโกรธใครมา “ไม่ได้หรอก น้ำในบ่อนี้ 
ใช้ได้แต่คนที่ในหมู่บ้านนี้เท่านั้น คนอื่นห้ามตักเชียวนะ ไม่ให้ๆ” แถมยังไล่พระอานนท์อีกเสียอย่างนั้น 

พระอานนท์จะอ้อนวอนขอนางอย่างไรก็ไม่เป็นผล  
พระอานนท์สิ้นหนทาง ก็เดินถือถังเปล่ากลับไป
เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ แล้วแจ้งความตามที่เกิด 

พระพุทธองค์ทรงพยักหน้ารับ 
แล้วบอกให้พระอานนท์นั่งลง 
แล้วขอให้พระสารีบุตรไปทำแทน

พระสารีบุตรก็กล่าวเช่นเดียวกัน 
“แม่เฒ่า แม่เฒ่า ข้าอยากจะขอน้ำสักถังจะได้ไหม”  
ก็น่าแปลกใจ สตรีชรานางนั้นเมื่อได้เห็นพระสารีบุตร ก็ทำหน้าเหมือนได้พบกับญาติที่ไม่ได้เจอกันเนิ่นนาน ไม่โกรธ ไม่โวยวาย แถมยังกล่าวตอบด้วยดีๆ 

“ได้ๆๆ เอาเลย ตามสบายเลยพระคุณเจ้า 
มาๆ ข้าช่วยท่านตักน้ำดีกว่า” 
ก่อนที่พระสารีบุตรจะกลับ นางก็กุลีกุจอกลับบ้าน 
รีบกลับไปเอาสิ่งของมาถวายพระสารีบุตรให้พระสารีบุตร นำกลับไปอีก เมื่อพระสารีบุตรรับน้ำมาถวายพระพุทธเจ้าแล้ว ก็บอกให้พระสารีบุตรนั่งลง 

พระอานนท์สงสัยเป็นกำลัง จึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้า 
“ด้วยเหตุอะไร จึงเป็นเช่นนี้พระพุทธเจ้าข้า”

"ที่นางปฏิบัติกับเจ้าทั้งสองแตกต่างกันเช่นนี้ 
เพราะในชาติอันล่วงมาแล้ว สตรีชรานางนี้
มีสภาพเป็นเดรัจฉาน เกิดเป็นหนูตัวหนึ่ง 
แล้วนางก็ตายอยู่บนถนน 
พระอานนท์ในชาตินั้นเป็นพ่อค้าผ่านทางมา 
เมื่อได้เห็นซากของหนูตัวนั้นตายอยู่ 
ในใจของพระอานนท์ก็เกิดความรู้สึกสะอิดสะเอียน 
เดินเอามือปิดจมูกแล้วจากไป 

แต่ตรงกันข้ามกับพระสารีบุตร 
เมื่อพระสารีบุตรได้เห็นซากหนูตัวนั้น 
ก็ให้บังเกิดจิตเวทนาสงสาร ซ้ำยังเอาซากหนูตัวนั้น
ไปฝังกลบอย่างดี เมื่อชาตินี้พวกเจ้าได้พบกันอีกครั้ง 
สิ่งที่นางปฏิบัติต่อเจ้าทั้งสองจึงมีความแตกต่างกันเช่นนี้"  

จิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราต้องรอบคอบ 
ไม่ก้าวล่วงผู้อื่นแม้ความคิด

จากมหาปรัชญาปารมิโตปเทศน์ มีบันทึกไว้ว่า ..
พระพุทธเจ้าพร้อมพระอานนท์ เดินบิณฑบาต
ในเมืองไวศาลี พระอานนท์มองเห็นสตรีนางหนึ่ง
ยากจนข้นแค้นเป็นที่น่าสงสาร 
พระอานนท์ทูลขอให้พระพุทธองค์ไปโปรดนาง 
พระพุทธองค์ตรัสว่า “เรากับนางไม่มีเหตุปัจจัยผูกต่อกัน ดังนั้นนางก็จะไม่ศรัทธาในเรา เราก็ไม่สามารถที่จะโปรดนางได้”  

พระอานนท์รบเร้าอยู่ถึงสามครั้ง 
พระพุทธเจ้าจึงดำเนินไปหานาง เมื่อยืนต่อหน้านาง 
สตรีนางนั้นก็กลับหันหลัง ไม่สนใจพระพุทธเจ้า 
ไม่ว่าพระองค์จะเดินไปต่อหน้านางกี่ครั้ง 
นางก็จะหันหลังให้กับพระองค์ทุกครั้ง 

แม้พระพุทธองค์จะใช้ฤทธิ์ให้พระกาย
ปรากฏขึ้นทั้งสี่ทิศพร้อมกัน สตรีนางนั้นก็ปิดตาเสีย 
ไม่มอง ไม่สนใจพระองค์ 

พระอานนท์จังได้ประจักษ์แก่คำพูดของพระพุทธเจ้าที่ว่า ...
“หากไร้วาสนา ไร้ปัจจัยผูกพันต่อกัน ไม่สามารถโปรดกันได้” แม้กับพระพุทธเจ้าเองก็ไม่มียกเว้น...

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...