พลังจักรวาล หรือชื่อเต็มว่า พลังไฟฟ้าสากลจักรวาล เพราะการทำหน้าที่ของจักระทั้ง 7 ก็คล้ายกับการส่งกระแสไฟฟ้าเช่นกัน มีทั้ง พลังบวก (หยาง) พลังลบ (หยิน) ทำให้เกิดสมดุลขึ้น ในยุคนี้ ผู้คนพบ วิชานี้คือ ดาสิรา นาราดา ท่านเป็นชาวศรีลังกา เกิดเมื่อ ปีค.ศ. 1846 ศึกษา วิชาปรัชญาสมัยใหม่ ระดับ ปริญญาเอก และทำงานจนเกษียณ ก็ปลีกตัวค้นหาสัจธรรม จนค้นพบพลังจักรวาลนี้ ออกมา
หลังจากนั้น ก็ถ่ายทอดให้กับ อาจารย์ชาวอินเดีย ประวัติความเป็นมาไม่ชัดเจน แต่ ท่านก็เสียชีวิตไป ปี ค.ศ. 1924 ถือว่าไม่นาน แต่ก่อนนั้น ท่านก็ถ่ายทอดวิชานี้ ให้กับ ท่านอาจารย์เหลือง มิน ด๋าง ชาวเวียดนาม มาจนถึงปัจจุบันในที่สุด
สัญลักษณ์ พลังจักรวาล ของอาจารย์ เหลือง มิน ด๋าง ด้านซ้าย รูปมังกร แทน ผู้ชาย (หยาง) พลังบวก และ หงค์ แทน ผู้หญิง (หยิน) หรือพลังลบ ให้สมดุลกันถือว่าสุขภาพดี ส่วนปิรามิด หมายถึง ความลึกลับ ของจิตวิญญาณและศาสตร์ต่าง ๆ ที่ได้ปกปิดเอาไว้ในปิรามิด
พลังจักรวาลนี้ ก็ไปเหมือนหลาย ๆ วิชา เช่น โยคะ กำลังภายใน ลองคิดตามหนังจีนก็คงจะรู้จักกันดี หรือปราณ หยิน-หยางของจีน และฤาษีดัดตนของไทยด้วย รวมถึงพลังจิตแต่ต่างอยู่ที่ พลังจักรวาลเป็นพลังจากนอกโลกควบคุมการดำเนินของโลก แต่พลังจิตนั้นอยู่ภายในตัวเรา ซึ่งคุณสมบัติของวิชาพลังจักรวาลเกิดจากแห่งพลังงานที่ไม่เสื่อมสลายในจักรวาล จะเปรียบเทียบก็คือ พลังดึงดูดของแม่เหล็กที่ไม่เสื่อมสลายเป็นพลังงานที่มนุษย์สร้างขึ้นได้ แต่พลังงานนั้นจะมีกำลังสูงหรือต่ำก็ขึ้นอยู่กับปริมาณของวัสดุที่ถูกสร้างขึ้น ส่วน พลังจักรวาลนั้นมาจากบ่อพลังงานธรรมชาติที่มีอยู่อย่างอนันต์ และมีพลังงานอย่างไร้ขอบเขต
พลังจักรวาลนี้ ไม่ค่อยยุ่งยากในการฝึกเท่าไหร่ ไม่ต้องต้องกินมังสวิรัติ หรือแต่งงานแล้วก็ฝึกได้
พลังงานจักรวาลนี้ ควบคุมการทำงานของชีวิต จะมี ประตู อยู่ 7 ประตู เรียกว่า จักระ เอาไว้เปิดรับพลัง ส่วนใหญ่คนจะปิด ร่ายกายจึงไม่สามารถรับพลังงานใหม่เข้าไปได้ ร่างกายเรามีพลังงานห่อหุ้ม หลายคนคงรู้จัก ออร่า กันดีครับ บางคนเรียกว่า กายทิพย์ ซึ่งสามารถแยกสีออกไป แต่ละบุคคล
ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ ได้ประดิษฐ์กล้อง ถ่ายภาพรัศมี นี้ได้แล้ว เรียกว่า กล้องเกอร์เลียน เมื่อถ่ายออกมาจะเป็นแสงสีต่าง ๆ รอบตัวเรา เมืองไทยก็มีอยู่บ้างครับ แต่ไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่
พลังจักรวาลนี้ ช่วยให้ร่ายกายของเรา สามารถเดินพลังที่บกพร่องหรืออุดตัน ให้ปรอดโปร่ง และควบคุมระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายให้เป็นปกติได้ จนทำให้อาการบาดเจ็บหรือเจ็บปวด หายไปได้ น่าสนใจทีเดียว
จักร ทั้ง 7 นี้ทำหน้าที่ควบคุม จิต จิตใต้สำนึก อารมณ์ ปัญญา เป็นต้น เซลล์พิเศษของสมอง เรียกว่า ไมโครเซลล์ ไมโครเซลล์นี้ จะฉายแสงสีเหลืองเป็นประกายและสั่นไหวอย่างรุนแรง เป็นหลักการสั่นไหว เมื่อผู้ฝึกสมาธิ และจะสั่นไหวแรงขึ้น
เมื่อ ฝึกในระดับที่สูงขึ้น จนขยายไปทุกส่วนของอวัยวะในร่างกายในทั่วร่าง และถ้าหากผู้ฝึกสามารถสั่งสมเพิ่มพลังงานให้มากขึ้น ไมโครเซลล์เหล่านี้ จะมีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า กายทิพย์ และกายทิพย์นี้ เป็นเหมือนเครื่องมืออเนกประสงค์เลยทีเดียว บางที่อาจสร้างความมหัศจรรย์ของมนุษย์ได้
จากหลักการสั่นไหว มากับพลังจักรวาล มาอีกหลักหนึ่งคือ การหมุน หรือการเคลื่อนไหวเป็นทรงกลม ดูดพลังจักรวาล เข้ามาเพื่อเป็นกลไกการทำงาน
คนโบราณได้ค้นพบว่า รูปทรงต่าง ๆ บางรูปเปล่งหรือปล่อยพลังจักรวาลออกมาเองโดยอัตโนมัติ และแรงกว่าธรรมดา ที่เป็นเช่นนี้เพราะพลังจักรวาลเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก และเป็นทรงกลมที่หมุนอยู่ตลอดเวลา เมื่ออนุภาคมาเกาะตัวกันมันก็หมุน โดยเคลื่อนไหวของอนุภาคเหล่านี้ก็จะเกิดการถ่ายเทพลังงาน และนำไปสู่รูปทรงที่ต่างกันย่อมก่อให้เกิดคลื่น ของจักรวาลที่ต่างกันออกไป
ปราณ เป็นสิ่งค้ำจุนสรรพสิ่งในจักรวาล ดังนั้น ย่อมสามารถนำมันมาใช้เพื่อการพัฒนาชีวิตและจิตวิญญาณของคนได้แน่นอน
การหมุน การหมุน จะถ่ายเทพลังงานตามหลักการสั่นไหวร่วมกัน เห็นได้ชัด ตามตัวอย่างทั่วไป ก็คือ พายุ ไต้ฝุ่น ซึ่งหมุนซ้ายทวนเข็มนาฬิกา และเวลาผ่านไป มันจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ การหมุนนี้ ก็คล้ายกับวิชาอื่น ก็คือ ไทเก็ก และ ฝ่ามือมังกรแปดทิศ ก็มีการเคลื่อนไหว เป็นวงกลม และถ้ายิ่งฝึกวิชามังกรแปดทิศ พลัง รวมถึง ดูดซับพลังจักรวาลด้วยแล้ว พลังก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณ
พลังจักรวาล หัวใจก็คือ จักระ แปลว่า วงล้อหรือธรรมจักร ที่เราได้ยินกัน จักระนี้ มีอยู่ 7 จุดด้วยกัน
จักระที่ 1 ตั้งอยู่ ที่ฝีเย็บระหว่างอวัยวะสืบพันธุ์และทวารหนัก เป็นพื้นฐานของพลังชีวิตและเป็นกลไกที่ทำให้ชีวิตอยู่ได้ ดูดซับพลังจากใจกลางโลกที่พุ่งขึ้นมา ได้แก่ น้ำพุร้อน ภูเขาไฟระเบิด ต้นไม้ที่เจริญเติบโตจากดินพุ่งขึ้นสู่อากาศ
จักระที่ 2 ตั้งอยู่ ที่ปลายกระดูกก้นกบชิ้นสุดท้าย มี สัญลักษณ์เป็นดอกบัว 6 กลีบ ชื่อว่า สวาธิษฐานะ จักระนี้แสดงถึงความต้องการที่แรงกล้า การสืบเผ่าพันธุ์
จักระที่ 3 อยูที่ กระดูกสันหลังระดับเอวที่ตรงข้ามกับสะดือ มีสัญลักษณ์เป็นดอกบัว 10 กลีบ มีชื่อว่า มณีปุระ จักระนี้ แสดงออกถึงพลังอำนาจและความมีสติ
จักระที่ 4 อยู่ที่ กระดูกสันหลัง ระดับเดียวกับหัวใจ มีสัญลักษณ์ เป็นดอกบัว 11 กลีบ ชื่อว่า อะนาหตะ จักระนี้แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจ และการช่วยเหลือความรักความเมตตา
จักระที่ 5 ตั้งอยู่บน กระดูกสันหลังบริเวณต้นคอ มีสัญลักษณ์เป็นดอกบัว 16 กลีบ ชื่อว่า วิศทะ จักระนี้แสดงถึงความรัก ความสมดุล ของสติปัญญา และความเห็นอกเห็นใจ
จักระที่ 6 อยู่ตรงกลางหน้าผาก เหนือหว่างคิ้ว มีสัญลักษณ์เป็นดอกบัว 2 กลีบใหญ่ และกลีบย่อยอีก 100 กลีบ ชื่อว่า อะชะ จักระนี้แสดงถึงการพัฒนาจิตระดับที่สูง ความมีสติ ความรู้แจ้ง จุดนี้ เปรียบเสมือนเป็นตาที่ 3 หรือตาทิพย์ ของมนุษย์และเป็นจุดเดียวกับต่อมไพนิล
จักระที่ 7 อยู่จุดที่สูงที่สุดของศีรษะ สัญลักษณ์ดอกบัว 1,000 กลีบ ชื่อว่า สหสราระ แสดงถึงความไม่เห็นแก่ตัว และการหมดกิเลส จักระที่ 7 หรือ จักระ มงกุฎ อยู่ส่วนบนของสมองเรียกว่า คาเวอร์เนียส เพลกซัส ณ ตำแหน่งนี้ ชื่อว่าทำให้เกิดปัญญาความรอบรู้
หน้าทำหลักของจุดนี้ ระบบประสาทศูนย์กลางบัญชาการใหญ่ในการสั่งการของร่างกายทุกชนิด
เทคนิคการดูดซับพลังจักรวาล ทุกคนคงรู้จักปิรามิดเป็นอย่างดี บ้างก็รู้จักพลังปิรามิดอยู่บ้าง ลักษณะของปิรามิดนี้ ยังมีพลังซ่อนเร้นอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าคนโบราณจะรู้วิธีนี้ด้วย ปิรามิดเป็นสิ่งก่อสร้าง ที่มหัศจรรยฺ์ที่สุดของโลก มีผู้ทดลอง เกี่ยวกับมันมามาก ขอเข้าเรื่องเลยละกัน
พลังปิรามิด เป็นสถานที่เพิ่มพูดพลังจักรวาล ช่วยทำให้ ส่งเสริม พลังภายใน ซึ่งปิรามิด นี้ มีหน้าที่เปรียบเสมือนเลนส์ รับเอาพลังจักรวาล ทั้งภายนอกโลก และพลังแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกด้วย
เริ่มต้นด้วย มหาปิรามิดแห่งกีซา เป็นต้นแบบของการสร้างปิรามิดจำลอง ซึ่งนำมาใช้ ในการฝึก พลังจักรวาล มหาปิรามิด สูง 146.7 เมตร แต่ปัจจุบันเนื่องจากยอดหายไปจึงสูงแค่ 137.3 เมตร ความยาวของฐานปิระมิดคือ 230.5 เมตร จำนวนชั้นบันไดหินมี 201 ชั้น เดิม สร้างเสร็จใหม่ ๆ น่าจะมี 220 ชั้น มุมองศาคือ 51 องศา จำนวนก้อนหิน สร้างราว ๆ สองล้านเจ็ดแสนก้อน เฉลี่ยหนักก้อนละ 2.5 ตัน น้ำหนักทั้งหมดของปิระมิดราว ๆ เจ็ดล้านตัน
ปัจจุบันมีหลายคน ที่ใช้ปิรามิดจำลองมาใช้เพื่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ
ดูพลังปิรามิดและการบำบัด
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1178396188972168&id=596454560499670
การรฝึกพลังจักรวาลอย่างง่ายๆ
วิธีสร้างจิตตานุภาพอย่างง่ายๆๆๆ
กำหนดแสงสีม่วงเป็นท่อทะลุจากกระเบนหลังทวารถึงกลางศีรษะ
ทำความรู้สึกชัดๆๆๆทรงจิตให้นึกรู้ยิ่งบ่อยยิ่งดี
เป็นท่อแสงสว่างทะลุทั้งตัว
สีม่วง เป็นขาว เป็นทองสว่างจ้า
แล้วแผ่ไปทุกทิศสุดจะกำหนดได้
ส่งความปรารถนาดีไปกว้างๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วกลับมาที่ตนเองรู้
เป็นแสงสีทองสว่างเต็มตัวเรา
ทำความรู้ตัวให้นานที่สุดจะนานได้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
นิ่งๆๆๆๆๆสบายๆๆๆๆๆๆๆ
เมื่อสุดรู้จะกำหนดแล้วให้แผ่เมตตา
ส่งความปรารถนาดีสดชื่นๆๆๆๆ
แก่ทุกชีวิต
ฝึกบ่อยๆๆๆๆ
จิตจะมีอำนาจ
ทุกข์กายใจเบา
สติสมาธิชัด
ปัญญาเข้าใจเร็วขึ้น
การใช้พลังดรรชนีเทพน้อมพลังจักรวาล
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1119196071558847&id=596454560499670
ดูแผนภาพการน้อมพลังจักรวาล
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1181530548658732&id=596454560499670
นอกจากนี้เรายังสามารถรับพลังจักรวาลจาก
ภายนอกกายด้วยพลังจิตเช่น
1. พลังดิน
วิธีการคือ ยืนบนพื้นดิน ก็กำหนดจิตพร้อมกับจินตนการเห็นพลังจากพื้นดินพุ่งขึ้นที่ฝ่าเท้าทั้งสองขึ้นสู่ร่างกายผ่านจักระต่างๆ หรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย
2. พลังน้ำ
วิธีการคือ ยืนหรือนั่งหรือนอนหน้าแหล่งน้ำ แล้วกำหนดจิตพร้อมกับจินตนาการดึงพลังงานจากแหล่งน้ำที่มีเป็นน้ำเย็น ใสสะอาด เข้าปาก รู้สึกเย็นสดชื่นตั้งแต่ศีรษะถึงเท้า
3. พลังพระอาทิตย์
มี 2 วิธีการ คือ
- ยืนหรือนั่ง แล้วกำหนดจิตจินตนาการถึงพลังความร้อนจากพระอาทิตย์เป็นลำแสงสีขาวนวลมาที่จักระ 7 ผ่านทุกส่วนของร่างกาย เพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกายหรือสลายโรคหรือสลายไขมันที่อยู่ในเส้นเลือดให้สะอาด สลายไขมันใต้ผิวหนังทำให้มีรูปร่างสมส่วน
- ยืนหงายฝ่ามือทั้งสอง เพื่อรับพลังจากพระอาทิตย์ใช้ในการบำบัดรักษา โดยกำหนดจิตให้พลังพระอาทิตย์มาที่ฝ่ามือทั้งสองข้างจนรู้สึกที่มือหรือนิ้วสั่น เพราะมีพลังงานแล้ว
4. พลังพระจันทร์
วิธีการคือ วันที่พระจันทร์เต็มดวง นั่งในที่มองเห็นพระจันทร์ชัดเจน หลับตาจินตนาการเห็นพระจันทร์ได้ชัดเจน กำหนดจิตว่า พลังงานจากพระจันทร์ได้พุ่งมาที่ศรีษะ จักระ 7 ผ่านจักระต่างๆ กระจายไปตามต่อมไร้ท่อทั่วร่างกาย หรือจะกำหนดจิตอาบแสงจันทร์เพื่อทำให้ผิวสวยและสมองดี
5. พลังต้นไม้
วิธีการคือ ควรเลือกต้นไม้ที่ลำต้นสมบูรณ์ กิ่งก้านสวย ใบเขียวชอุ่ม ไม่มีโรค ให้กล่าวทักทายขออนุญาตที่จะสัมผัส โอบ หรือจะเอาหลังพิงต้นไม้ หรือจะหงายฝ่ามือก็ได้ เพื่อรับพลังจากต้นไม้เข้าสู่ร่างกาย ชำระล้างของเสีย สารพิษ โรคภัยออกจากร่างกายไปสู่ต้นไม้แล้วพุ่งลงดิน
6. พลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่มีพลัง
วิธีการคือ หงายฝ่ามือรับพลังเข้าสู่ร่างกาย โดยจินตนาการเห็นแสงขาวจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือผู้ที่มีพลัง หลั่งไหลเข้าสู่ฝ่ามือ
ข้อพึงระวัง ควรกำหนดจิตให้พลังธรรมชาติเหล่านั้นมีความสะอาดบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกายเสริมพลังให้กับส่วนต่างๆ ของร่างกายทั้งภายในและภายนอก
ดูรายละเอียดพลังจักรวาล 2
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1894065427528440&id=100007750022140
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น