...ผู้เคยได้ ฌาน๔ อภิญญา ในอดีตชาติ.(ของเก่า).ถ้ามาปฏิบัติสมาธิ ย่อมเข้าฌานได้ง่าย และ สร้างอภิญญาได้ไว..ยิ่งมีครูทางโลกทิพย์มาสอน ย่อมไปได้ไวขึ้น
...
...จะดึงอภิญญาเก่ามาใช้ให้ไว ควรใช้คำภาวนาคาถาของอภิญญา เช่น นะมะพะธะ(อาโลกสิณ) สัมปะจิตฉามิ(รวมกสิณ๓ กอง)”หรือ “โสตัตตะภิญญา (รวมกสิณ๑๐ กอง)ช่วงแรกๆ..อาจจะได้อภิญญาทางนิมิต..แต่เมื่อมีกำลังฌานทรงตัวแล้ว..ก็จะได้อภิญญาใหญ่ คือ..ในนิมิตมีอภิญญายังไง ในกายมนุษย์ กายหยาบ ก็ทำได้เช่นนั้น..(ถ้าเอาจริง)
..เช่น บางคน ในนิมิต ได้มโนมยิทธิเต็มกำลัง ใช้ อทิสสมานกาย หรือ “กายของจิต” หรือ”กายละเอียด” หรือ “กายใน” (คล้ายกายมนุษย์ มี หู ตา จมูก ปาก แขน ขา มีเครื่องประดับ เครื่องแต่งกายทั้งหลายเป็นทิพย์ทั้งหมด )** อทิสสมานกาย แตกต่างกันไป ตามสภาพความสะอาด การปราศจากกิเลสของจิต มีทั้งสภาพชั่วคราว และถาวร .เรียกมโนมยิทธิว่า..”.อภิญญาเล็ก “ หรือ กึ่งอภิญญา..
*..มโนมยิทธิเต็มกำลัง จะออกด้วยกำลัง ฌาน ๔ จึงรับรู้ชัดเจน แล้วถ้ามีกำลัง ย่อมแสดงอภิญญาในจิตได้ เช่น เหาะเหิร เดินอากาศ ไปต่างภพภูมิ เดินบนน้ำ พุ่งดำน้ำ ดำดิน.ทะลุบ้าน ภูเขา หรือ เสกของให้ลอยได้ แปลงสิ่งของจากสิ่งหนึ่งเป็นสิ่งหนึ่ง..หรือ จุดไฟดับไฟ หักกิ่งไม้ป่าทำเป็นอาวุธ ตาทิพย์ รู้พูดภาษาสัตว์ รู้วิชาโยคะ ไทเก็ก
เรียกลมเรียกฝน ดัชนีน้ำ ดัชนีไฟ(ก่อไฟด้วยนิ้ว) เรียกสัตว์ แยกร่าง แปลงร่าง วิชาลมสลาตัน วิชาตาไฟ วิชาพ่นไฟ....
*..ข้าพเจ้าลองมาทบทวนดู.. . อภิญญาในจิตนั้น.ที่ข้าพเจ้าเคยทำ มี..การเหาะเหิรเดินอากาศ (อันนี้จะชำนาญหน่อย.เหาะได้ทุกท่า นอนคว่ำ นอนหงาย นั่งขัดตะหมาด นั่งไขว่ห้าง.พุ่งแนวดิ่ง).. ดำน้ำในทะเล..ดำดิน(ไปได้ไม่ไกลเจอรากไม้)..พุ่งทะลุภูเขา บ้าน กำแพง(ไม่เจ็บ)..บังคับของให้ลอยได้...หักกิ่งไม้เป็นอาวุธ(คล้ายบูมเมอแรง)..เสกดินเหนียวเป็นปลา.(แข่งอภิญญาในป่า แพ้เขาเพราะเสกตั้ง 3 ครั้ง..คู่แข่ง..เป่าครั้งเดียวเอง).... ...ฝ่ามือปรับภพภูมิ(วิญญาณเปลี่ยนร่างต่อหน้า.)..การเรียกอาวุธทิพย์มาใช้(ผ้าทิพย์ ..ขวานทิพย์..คทาทิพย์)..ลอยตัวบนน้ำ(สุดท้ายหล่น)..วิชชาสลาตันกระจายแสง(..หมุนกายแล้วมีแสงบุญออกจากกาย ปรับภพภูมิดวงวิญญาณ)...ที่จำได้ประมาณนี้....ส่วนอภิญญาใหญ่กายเนื้อ.. ยังไม่เคยฝึก....
*ยิ่งยุคในปัจจุบันนี้ ปี ๒๕๖.....เป็นต้นไป จะมีคน ได้อภิญญาใหญ่มาก.. คนนั้น ก็จะเหาะไปทั้งกายเนื้อเลย หรือ เสกของ (เนรมิต) แปลงของ ให้เห็นคนเห็นด้วยตาเปล่า -.เรียกลมฝน มาจริงๆ..ทำสิ่งมหัศจรรย์ได้มากมาย..ประกอบกับ คลื่นมิติแต่ละระดับเริ่มเหลื่อมทับกัน..ทำให้เหล่ามนุษย์ มองเห็นชาวทิพย์เทวดา ง่ายขึ้น..เช่นเดียวกันพลังงานความดี ความชั่วในจิต ก็จะแสดงออกมาชัดเจนขึ้น จึงทำให้รับกรรมดี กรรมชั่ว ได้รวดเร็วขึ้นด้วย.
** จุดสำคัญ บุคคลนั้นต้องรู้ว่า การได้อภิญญาใหญ่ ในช่วงนี้ เราะถูกคัดเลือกมาจากเบื้องบน อภิญญาใหญ่.ยังเป็นฌานโลกีย์ แม้กำลังอภิญญา จะคุ้มครองตัวเอง คนรอบข้างได้ แต่ไม่สามารถจะกันนรกได้ ดังนั้นเมื่อได้อภิญญาแล้ว
*จงใช้กำลังอภิญญาใหญ่ เพื่อเป็นเครื่องมือเผยแพร่พุทธศาสนา
*จงใช้กำลังอภิญญา มาเดินวิปัสสนา(ในฌานสมาธิ) หรือ พิจารณาไตรลักษณ์ เพื่อตัดกิเลส เพื่อตัดสังโยชน์ ย่อมจะถึง อรหันต์เร็วขึ้น
ที่มา
มโนธาตุ โพธิญาณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น