ต้นหาย กำไรสูญ เปรียบเสมือนคนเราบางคนที่ตั้งอกตั้งใจทำการทำงาน
จะประกอบการค้าขาย หรือทำกิจการงานอะไรก็ดี
ตั้งแต่เยาว์วัยจนกระทั่งเป็นหนุ่มเป็นสาว และแก่เฒ่าแก่ชราในที่สุด
และถึงพร้อมด้วยความร่ำรวยสมบูรณ์พูนสุข
สร้างบ้านสร้างเรือน สร้างหลักฐานได้อย่างมั่นคง
ตลอดจนสร้างเกียรติยศ สร้างชื่อเสียง จนได้ลาภได้ยศ
ได้สรรเสริญ ประสบความสำเร็จในชีวิตทางโลก ทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่คนบางคนที่กล่าวถึงเหล่านี้ เมื่อถึงกาลเวลาอันสมควร
ซึ่งที่จริงก็เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับทรัพย์สมบัติในทางโลก
ที่ได้สร้างสมมามากแล้ว ก็ควรจะหยุด
เพื่อรีบสร้างสมสิ่งที่เป็น “อริยทรัพย์” ในบั้นปลายของชีวิต
ให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้บ้าง
แต่เขาเหล่านั้นก็หาได้มีความหยุด ความยั้ง ความละ
ความปล่อย ความวาง ในทรัพย์สมบัติที่หามาได้เหล่านั้นไม่
มุ่งหน้าที่จะคิดอ่านประกอบกิจการงาน ให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ
โดยไม่คำนึงถึงว่า สักวันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว ความตายก็จะต้องมาถึงเข้าอย่างแน่นอน
ในที่สุดร่างกายของเขาก็ถึงซึ่งความแตกดับจริงๆ และย่อยยับสูญหายไป
ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนหามาได้ไว้ในโลกนี้ให้กับคนอื่นทั้งหมด
ไม่สามารถที่จะนำเอาทรัพย์สมบัติเหล่านั้นติดตามตนไปได้แม้แต่นิดเดียว
โดยที่ตนเองมิได้ประกอบคุณงามความดี
ในทางสร้างสมในสิ่งที่เป็นอริยทรัพย์ให้มากเท่าที่ควรเลย
ซึ่งตนเองก็มีโอกาสและโชคดีอย่างดีที่สุดแล้ว
แต่ก็มิได้กระทำลงไป จึงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในชีวิตของเขา
เปรียบเสมือน “ต้นหาย กำไรสูญ”
“ต้น” ก็คือร่างกายและทรัพย์สมบัติที่หามาได้ทั้งหมด
“กำไร” ก็คือบุญกุศลหรือสิ่งที่เป็นอริยทรัพย์
แทนที่จะได้ก็ไม่ได้ และถ้าใช้ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นไปในทางที่ไม่ดี
ผิดศีลผิดธรรมอีกด้วยแล้ว หรือยึดในทรัพย์สมบัติที่หามาได้นั้นมากเกินไป
ก็ยิ่งจะขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ต้นก็หาย กำไรก็สูญ ชีวิตนี้ก็ขาดทุน
.
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น