09 เมษายน 2563

โลกมีชีวิต ที่ต้องวิวัฒน์สู่มิติที่สูงขึ้น

วิธีค้นพบอีกฟากฝั่งของม่านพรางและการเป็นประจักษ์พยานในการเลื่อนระดับ ตอนที่ 2 
ผู้แปล : Piyanuch Nuankaew 

Alba : ทำไมวันนี้คุณสอนบทเรียนเหล่านี้ให้กับแกรี่

Gary : มันเป็นความต้องการของฉันและแกรี่ เราทั้งคู่ต้องการการวิวัฒน์ เมื่อเวลานั้นมาถึง มนุษยชาติจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกัน จริงๆแล้วมันเป็นกระบวนการต่อเนื่องไม่มีจุดสิ้นสุด การยกระดับนั้นเกิดขึ้นทั้งกับโลกใบนี้และมนุษย์โดยจะเกิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป

Alba : เหมือนเรื่องราวที่เราเคยรับการบอกเล่า เรื่องวัฎจักรของโลกเมื่อครบ 26,000 ปี ?

Gary : นั่นคือเท่าที่เธอรู้ มันยังมีวัฎจักรอื่นอีก แต่ทุกเหตุการณ์ที่สำคัญบนโลกล้วนมีจุดหมายเดียวกันคือเพื่อช่วยให้มนุษย์ได้เลื่อนชั้นขึ้นไป มนุษย์ผู้หลงลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่าง

Alba : ขอถามอีกครั้งว่าการวิวัฒน์นี้จะทำให้โลกถูกทำลายลงด้วยหรือเปล่า

Gary : ถ้าเธอหมายถึงการชำระล้างให้สะอาดคำตอบคือใช่

Alba : แล้วที่บอกว่าถึงเวลานั้นผู้คนจะตกอยู่ในความกลัว ทำไมเป็นแบบนั้นในเมื่อมีนักรบแสงสว่างคอยช่วยอยู่แล้ว

Gary : เพราะประวัติศาสตร์มักเดินซ้ำรอยเดิมเสมอ สิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจะเกิดขึ้นอีกเสมอ เธอรู้รึเปล่าว่าโลกนั้นมีจิตวิญญาณ โลกมีชีวิตเหมือนกับมนุษย์นะ กลุ่มดาวบนท้องฟ้าที่มนุษย์เห็นก็ไม่ได้มีอยู่โดยบังเอิญ มันอยู่ตรงนั้นด้วยความตั้งใจ ใช่..มันอยู่ตรงนั้นมาตลอด

Alba : ช่วยขยายความให้ฟังหน่อยสิ

Gary : โลกมีการวิวัฒน์ตลอดมาในแต่ละยุคสมัย ยุคแห่งอควาเรียสกำลังเอ่อล้นออกมา กลุ่มดาวปลาคู่จะลงมาบนพื้นดิน เธอกำลังจะได้เห็นเหมือนที่มันเคยเกิดขึ้นมาตลอด

Alba : หมายความว่าน้ำจะท่วมโลกใช่มั้ย

Gary : ผิดแล้ว เมื่อม่านพรางแห่งมิติถูกยกขึ้นมันจะทำให้การรับรู้เกี่ยวกับความจริงทั้งหมดเปลี่ยนไป หลายคนได้เลื่อนขึ้นไปในขณะที่อีกหลายคนไม่เป็นเช่นนั้น ผู้ที่อาศัยอยู่ในความหวาดกลัวจะไม่สามารถข้ามผ่านม่านพรางแห่งนี้ได้

Alba : จะเกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนั้นล่ะ

Gary : พวกเขาต้องกลับสู่แสงสว่างและไปเริ่มใหม่ในอีกโลกที่รอคอยพวกเขาอยู่

Alba : แบบว่าร่างกายพวกเขาจะหายวับไปเลยใช่มั้ย

Gary : พวกเขาจะกลับสู่แหล่งกำเนิดที่จากมานาน มันรวดเร็วซะจนไม่มีใครได้เตรียมตัวกันเลยล่ะ และถ้าจะพูดให้ถูก พวกเขาไม่ได้หายวับไปหรอกแต่พวกเขากำลังติดข้องอยู่กับบางอย่างทำให้ไปไหนไม่ได้ เหล่ามนุษย์ที่น่าสงสาร.. ในมือพวกเขาถือความคาดหวังที่ไม่มีทางจะเติมเต็มให้สมบูรณ์ พวกเขาสร้างทางเลือกให้ตัวเอง และจะจมจ่อมติดอยู่ในวังวนนี้จนกว่าจะมีวันใดที่ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เลือกมาล้วนเป็นความจริงจอมปลอม

Alba : มันยังมีครอบครัวหรือเพื่อนฝูงของพวกเขาด้วย จะเป็นอย่างไรถ้าคนนึงข้ามผ่านไปได้แต่อีกคนยังติดอยู่

Gary : จิตวิญญาณแต่ละดวงนั้นมีความพิเศษไม่เหมือนกันเลย และทุกดวงจิตมีความพอเหมาะพอดีในการเป็นผู้เล่นเกมของสนามแห่งมหาจักรวาล จิตวิญญาณที่เธอเห็นว่าไม่ได้วิวัฒน์ จริงๆแล้วมันอาจไม่ใช่ก็ได้นะ นั่นแหละคือวิธีวิวัฒน์แห่งดวงจิตนั้น นั่นอาจเป็นการวิวัฒน์ขั้นสูงสุดในรูปแบบของการเสียสละก็ได้

Alba : ดังนั้นเราไม่ควรตัดสินผู้อื่นว่าเขาเป็นยังไง

Gary : ถ้าเธอไม่ได้เผชิญสถานการณ์เดียวกับเขา เธอไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอย่างไรหรอก

Alba : สรุปแล้วใครคือผู้เลือกว่าคนไหนบ้างที่จะได้อยู่ในโลกใหม่

Gary : ทุกคนเลือกด้วยตัวเอง เราทุกคนได้เลือกกันเรียบร้อยแล้ว ฟังสิ มันดังก้องอยู่ข้างในเรา เป็นอาการจำได้นึกได้ถึงสิ่งที่เราปรารถนามาเนิ่นนานแล้ว

Alba : แกรี่ล่ะเขาเลือกอะไร

Gary : แกรี่เลือกหนทางแห่งการเสียสละ และตอนนี้แกรี่กำลังทำมันอยู่ คุณเองก็เลือกทางนี้เหมือนกับเขา

Alba : แล้วหนทางนี้มันช่วยได้จริงมั้ย

Gary : ต้องใช้คำว่ามันจำเป็นมากๆ เธออาจไม่เข้าใจว่าทุกสรรพสิ่งมีค่าขนาดไหน แมลง นก สัตว์ทั้งหลาย หรือแม้แต่ก้อนหินเล็กๆ มนุษย์ไม่รู้เลยว่าทำอะไรลงไปบ้าง มนุษย์ยังเดินต่อไปแม้มองไม่เห็นหนทางข้างหน้า

Alba : พวกเราคงมองไม่เห็นอย่างที่คุณบอก

Gary : ถ้ามนุษย์หยุดคิดซักนิดก่อนที่จะทำอะไรลงไปว่ามันจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง ฉันไม่ได้หมายถึงผลที่เกิดขึ้นเฉพาะกับดาวโลกนี้แต่มันยังรวมไปถึงมิติอื่นด้วย แต่มนุษย์ก็ไม่เคยคิดเลย..

Alba : คุณแสดงให้แกรี่เห็นได้อย่างไร แล้วเขารู้สึกยังไงเมื่อได้รับรู้มัน

Gary : ตอนนี้แกรี่มองเห็นตัวของเขาแล้วรวมทั้งผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของเขา

Alba : คุณทำให้แกรี่ได้ทบทวนชีวิตของเขา?

Gary : ใช่ แกรี่รู้ว่าทุกอย่างล้วนสัมพันธ์กัน เขาเห็นแล้วว่าโลกกำลังร้องไห้ แกรี่ได้รับมอบภาระที่ค่อนข้างหนักไว้กับร่างกายนี้ คุณรู้รึเปล่าว่าเขากำลังร้องไห้เช่นเดียวกับโลกและเขาก็พร้อมแล้วสำหรับเรื่องนี้

Alba : เขาได้เห็นการทำลายล้าง? ต้นไม้และอย่างอื่นในโลก?

Gary : คุณเข้าใจถูกแล้ว

Alba : แล้วมันส่งผลต่อแกรี่อย่างไรบ้าง

Gary : เขามองเห็นมันแล้วน่ะสิ มันคือความรู้สึกเข้าถึงบทสรุปแห่งชีวิต ฉันจะอธิบายอย่างนี้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมีความเชื่อมโยงกันอยู่ เราทุกคนไม่แปลกแยกแตกต่าง ทุกคนล้วนเชื่อมต่ออยู่กับพระบิดาผู้สร้าง และทุกคนยังสามารถเข้าถึงพลังงานแบบเดียวกับพระผู้สร้างได้ทุกขณะแห่งการดำรงชีวิตด้วย

Alba : ถ้าอย่างนั้นทำไมเราถึงเลือกที่จะแยกออกมาและห่างไกลจากพลังแบบพระองค์ล่ะ

Gary : มันคือการทดลองที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นมาในอดีตกาล เราออกห่างจากพระผู้สร้างเพื่อจะได้มีการเจริญเติบโตและก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ

Alba : การทดลองนี้ได้ผลเป็นอย่างไรบ้าง

Gary : มันกำลังวิวัฒน์

Alba : พระองค์ทรงเคยเข้ามาหยุดการทดลองนี้รึเปล่า ช่วยบอกฉันหน่อยว่าความรู้สึกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมันเป็นยังไง

Gary : พระบิดาทรงแสวงหาเพื่อนร่วมเดินทางไม่ใช่ผู้ติดตามหรอกนะ พระองค์ดำรงอยู่ในเราทุกคนขอเพียงให้เราตกลงใจที่จะมองเข้าไปในตัวเอง เป็นเพราะว่าทุกคนสามารถพบเจอพระบิดาแค่เพียงพวกเขาเลือกที่จะแสวงหา

Alba : แล้วเราจะมีพลังเช่นเดียวกับพระองค์ได้อย่างไรล่ะ เราไม่รู้วิธีที่จะทำแบบนั้นเลย

Gary : ที่คุณต้องทำก็แค่ตั้งความปรารถนาที่จะเรียนรู้เรื่องของพระองค์ ความพยายามคือสิ่งสำคัญมาก
ยิ่งคุณทุ่มเทให้สิ่งหนึ่งเท่าไหร่ คุณจะทำสิ่งนั้นได้ดีขึ้นตามลำดับ โลกนี้, ชีวิตของคุณ, ทุกๆชีวิต ทั้งหมดนี้นั้นอยู่บนพื้นฐานของการทดลอง และคุณจะข้ามผ่านมันไปไม่ได้หากไร้ซึ่งความพยายามอย่างแท้จริง

Alba : คนประเภทไหนที่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่น

Gary : คนที่เต็มไปด้วยความกลัว ยึดมั่นถือมั่น

Alba : แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะไม่ต้องใช้ความพยายามมาก

Gary : จงปล่อยความกลัวออกไป

Alba : แต่ความกลัวเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้เรารอดพ้นอันตรายเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์บางอย่างนะ

Gary : เมื่อคุณเผชิญหน้ากับอันตราย คุณไม่จำเป็นต้องกลัว ความกลัวจะดึงรั้งคุณไว้ข้างหลัง ความตายไม่ได้มีอยู่จริงอย่างที่พวกคุณเคยรับรู้

Alba : จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเราสูญเสียร่างกายนี้ไป

Gary : นั่นคือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ มันเป็นการอยู่รอดของจิตวิญญาณของคุณ มนุษย์มีความคาดหวังแตกต่างกันเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย บางคนเชื่อว่าชีวิตหลังความตายไม่มีจริง แต่เรื่องจริงก็คือคนส่วนมากเมื่อเสียชีวิตไปแล้วจะพบกับแสงสว่าง

Alba : เกิดอะไรขึ้นกับผู้ที่ไม่ได้พบแสงสว่าง ฉันพบว่ามีพวกเขาจำนวนมากที่ยังติดต่อสื่อสารกับพวกเรา

Gary : พวกเขายังติดข้องอยู่กับยานพาหนะแห่งกายเนื้อ และสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องเป็นแบบนี้คือการยึดติดกับบุคคล หรือสิ่งของสิ่งใดที่เขาปรารถนานั่นเอง

Alba : เราจะช่วยให้พวกเขาได้กลับสู่บ้านที่แท้จริงได้ไหม

Gary : ทำได้เป็นบางกรณี มีคนจำนวนมากแสวงหาพวกเขาเช่นเดียวกับคุณ แล้วคุณรู้หรือไม่ว่านี่คืองานที่ไม่มีวันจบสิ้น

Alba : ฉันใช้เวลาค่อนข้างมากเพื่อพาพวกเขาเหล่านั้นกลับสู่แสงสว่าง

Gary : ยังมีคนเป็นจำนวนมากได้สร้างความยึดติดและความปรารถนาให้กับจิตวิญญาณของตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ จิต วิญญาณของพวกเขาตกลงสู่กับดักที่มีอยู่บนโลกใบนี้
คุณก็ได้เห็นแล้วว่ามันมีปัญหาในเรื่องนี้มากมายแค่ไหน

Alba : ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น คุณคือ higher self ที่เลื่อนชั้นได้แล้ว ทำไมถึงต้องพยายามทำมันอยู่อีก

Gary : แรกเริ่มเดิมที เราทุกคนล้วนแสวงหาการวิวัฒน์ และมีแต่ความพยายามเท่านั้นที่จะทำให้เราเก่งมากยิ่งขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าพวกเราทุกคนล้วนต้องการเติบโตงอกงามทางจิตวิญญาณด้วยการเข้าไปมีประสบการณ์นี่แหละ

Alba : แม้ว่าคุณจะไม่มีกายเนื้ออย่างนั้นหรือ

Gary : ใช่แล้ว

-------------> โปรดติดตามตอนต่อไป 📌

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...