ความลับของตาที่สาม (Pineal Gland) อยู่ตรงกลางระหว่างสมองส่วน (Cereblum)
ซ้าย และ ขวา ผลิตฮอร์โมนที่เรียกว่า เมลาโทนิน เป็นฮอร์โมนที่หลั่งจาก ต่อมไพเนียล
ตาที่สาม ฮอร์โมนนี้มีผลคล้ายยานอนหลับ?...
คนแก่ที่นอนไม่ค่อยจะหลับจะหลั่ง เมลาโทนีน น้อยกว่าคนหนุ่มสาว เมลาโทนินมีความ
สำคัญดังต่อไปนี้
ช่วยให้หลับสนิท
ลดอาการสับสนในเรื่องเวลาของสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น อาการอ่อนเพลีย
เมื่อเดินทางรอนแรมไกลๆ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพ ลดความเสื่อมของเซลล์ และ ของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
แต่..ศักยภาพมีมากกว่านั้นมหาศาล)
ลักษณะของต่อมไพเนียล (ตาที่สาม) คล้ายดวงตา ห่อหุ้มด้วยนํ้า เพียงแต่มันไม่มีเลนส์
เหมือนดวงตาเท่านั้น ฉะนั้นเองจึงเปรียบเหมือนดวงตาที่สามของมนุษย์เรา
และ มีบางศาสนาที่กล่าวถึงการถอดจิตโดยการนั่งสมาธิ แต่ที่จริงแล้ว ต่อมไพเนียลนี้เอง
ที่ทำหน้าที่หลังจากที่เราหลับตาลง หรือ เวลาเรานอนหลับ ต่อมไพเนียล (ตาที่สาม) ก็จะ
เปิดออก และ เชื่อมสัญญาณเราเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริงหรือ กายทิพย์ ของเรา ที่
มองด้วยตาที่สาม
เคล็ดลับสำคัญในการยกระดับจิตสู่กายเบื้องสูงของมนุษย์เราทั้ง ชาย - หญิง คือสิ่งที่
เรียกว่า "พลังทางโลกีย์เพศ" ซึ่งมันจะถูกยกระดับขึ้นด้านบนไปตามแนวสันหลัง เรื่อยไป
จนถึงบริเวณที่เรียกว่า "ตาที่สาม" ซึ่งอยู่หลังหน้าผากบริเวณกึ่งกลางระหว่างดวงตาทั้ง
สองและอยู่เหนือขึ้นมาเล็กน้อย
เวลาเรายกระดับพลังงานด้วยการเข้าสู่ฌาณสมาธิ ตาที่สามจะกระตุ้นให้มันเคลื่อนไปตามแนวตั้งผ่านทางร่างกาย คล้ายๆ กับการบรรลุจุดสุดยอดทางกายภายในร่างกายเรา
ประสบการณ์ยกระดับพลังงานนี้จะส่งผลลึกลํ้ามาก และ ไม่นานมันจะกลายเป็นประสบ
การณ์ที่มนุษย์เราใฝ่หาที่สุดหากเราได้ลิ้มลองรสมันแล้ว
มันจะเป็นแบบเดียวกับประสบการณ์ทางเพศนั่นล่ะ แต่ลึกลํ้ากว่ากันมากนัก แต่เราก็จะไม่
มีวันเสียความอยากด้านเพศขั้นตํ่าหรอกนะ (ดำกฤษณา) ไปอย่างสิ้นเชิง และ เราก็ไม่ควรกำจัดมันทิ้งด้วย เพราะประสบการณ์ขั้นสูงไม่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าไม่มีประสบการณ์ขั้นตํ่า - พอเราลิ้มรสความสูงลํ้าแล้ว
เราก็จะต้องมาสัมผัสสิ่งที่อยู่ด้านล่าง เพื่อจะได้รับความเพลิดเพลินเพื่อก้าวเข้าสู่การเคลื่อนสู่ที่สูงอีกครั้งหนึ่ง และนี่คือท่วงทำนองอันศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตมนุษย์ล่ะ ในการนี้
เราไม่ได้เคลื่อนพลังงานในร่างกายตัวเองเท่านั้น แต่ยังเคลื่อนพลังงานของพระเจ้าใน
กายเนื้อของเราพร้อมกันไปด้วย
มนุษย์มาจุติในรูปชีวิตขั้นตํ่าในมิติที่ 3 แล้วเราก็จะวิวัฒน์สูภาวะจิตที่สูงขึ้นในมิติที่ 5 เป็น
ลำดับ นี่คือการยกระดับพลังงานกายเนื้อของพระเจ้าในกายของเรา และ เมื่อเราขึ้นสู่
สภาวะสูงสุดแล้ว มีประสบการณ์เต็มที่แล้ว เราก็จะตัดสินใจว่าอยากจะมีประสบการณ์ถึง
สิ่งอื่นใดต่อไปในวัฐจักรของจักรวาล
มนุษย์เราส่วนใหญ่เข้าใจว่าสมองคือส่วนที่สำคัญที่สุด เป็นส่วนที่จะบันดาลความคิดสร้าง
สรรค์ ดนตรี งานฝีมือต่างๆ หรือ งานศิลปะ โคลงกลอน เชาว์ปัญญา แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย มันเป็นเพียงสถานีควบคุมของสิ่งทั้งหลาย อย่างมากๆ เท่านั้นเอง
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เรียกว่าความคิดสร้างสรรค์ หรือ เป็นความสามารถด้านจิตวิญญาณพวกมันล้วนเชื่อมต่อกับต่อมไพเนียลหรือตาที่สามทั้งสิ้น
ซึ่งรวมถึงญาณหยั่งรู้ของมนุษย์ด้วย ที่มันจะพัฒนามากขึ้น เมื่อเรามีวิวัฒนาการด้านจิต
วิญญาณสูงขึ้นเท่านั้น ซึ่งในขณะนี้โลกของเราโคจรเข้าสู่อิทธิพลแรงโน้มถ่วงของ
"แกแลคซี่น้อย" ซึ่งความหนาหนักของคลื่นแม่เหล็กโลกก็จะเบาบางลง และ เมื่อโลกเรา
กำลังเคลื่อนเข้าสู่มิติที่เบาบางลงและกำลังขับเคลื่อนเข้าสู่มิติที่ 5 อย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้
กระทบกระเทือนกับมิติที่ 3 ทางกายเนื้อของเรา
วิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณของมนุษย์ก็จะสูงขึ้น ในขณะนี้คลื่นลำแสงจากดวงอาทิตย์ก็
กำลังพัดพารังสีลึกลับชนิดหนึ่งเพื่อไปกระตุ้น dna 12 สายในต่อมไพเนียลให้เปิดการ
ทำงานขึ้นมา
เพราะเผ่าพันธ์มนุษย์เป็นเผ่าพันธ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากพระประสงค์ขององค์ผู้สร้างฯ เพราะมีการรวมเอายีนส์ dna ของเผ่าพันธ์ Humanoid ทั้งหมดกว่า 20 สายพันธ์ และ
เป็นพลังงานเดียวกับพระผู้สร้างเราขึ้นมาจากจักรวาล
พ่อขอยกตัวอย่างนะ นํ้าทะเลหยดเดียวกับนํ้าทะเลทั้งมหาสมุทรนั้นล้วนมีโมเลกุลเหมือนกันทั้งหมดเพราะฉะนั้นแล้วมนุษย์เราบนโลกนี้ทุกคนล้วนมี dna ของพระเจ้าอยู่ในตัวตน
ของทุกคนด้วยกันทั้งสิ้น...
ที่มา
แสงสว่าง มองการไกล...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น