.
ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทีปังกร พระโพธิสัตว์เป็นสุเมธดาบส ได้กล่าวว่า
.
“เราเลิกละข้าวที่หว่านปลูก มาบริโภคผลไม้ที่หล่นเอง เริ่มตั้งความเพียรในการนั่ง การยืน และการเดินจงกรมอย่างนั้น ภายในสัปดาห์หนึ่งก็ได้บรรลุอภิญญาพละ เมื่อเราบรรลุถึงความสำเร็จ แม้พระชินเจ้าโลกนายก ทรงพระนามว่า ทีปังกร เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว เมื่อพระองค์เสด็จอุบัติ ประสูติตรัสรู้ และแสดงพระธรรมเทศนา เราอิ่มเอิบด้วยฌานอยู่ จึงมิได้เห็นนิมิตทั้ง ๔ ประการ
.
ในเขตแดนปัจจันตประเทศ พวกมนุษย์มีใจยินดี นิมนต์พระตถาคต แล้วชำระแผ้วถางทางสำหรับเสด็จดำเนินมาของพระองค์ สมัยนั้น เราออกจากอาศรมแล้วเหาะไปในเวหาส เห็นชนเกิดความยินดี จึงลงจากท้องฟ้าไต่ถามชนทั้งหลาย พวกมนุษย์ทั้งหลายกล่าวว่า พระพุทธเจ้าผู้ยอดเยี่ยมเป็นพระชินะพระนามว่า ทีปังกรเสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก
.
@@@@@
.
ทันใดนั้น ปีติเกิดขึ้นแก่เราเพราะได้ฟัง พุทโธ เรากล่าวว่า พุทโธ พุทโธ ก็ได้เสวยโสมนัสเรายินดีแล้วคิดว่า จักปลูกพืชลงในที่นี้ ขณะอย่าได้ล่วงเลยไปเสียเปล่า เราลาดผ้าเปลือกไม้คากรองบนเปือกตมแล้วปรารถนาว่า พระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระสาวกทั้งหลาย จงเหยียบเราเสด็จไป อย่าทรงเหยียบเปือกตมเลย ข้อนี้จักเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่เรา เมื่อเรานอนบนแผ่นดิน ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า
.
"วันนี้ถ้าเราปรารถนา จักประหารกิเลสได้ การทำให้แจ้งธรรมในที่นี้จะมีประโยชน์อะไรแก่เราเล่า เราจักบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้ามฝั่งแล้ว จะให้มนุษย์และเทวดาข้ามไปด้วย เราบรรลุสัพพัญญุตญาณแล้ว จะให้เหล่าชนมากมายข้ามไปด้วย เราจักตัดกระแสคือ สังสารวัตร ทำลายภพสาม แล้วขึ้นสู่ธรรมนาวา จักให้มนุษย์และเทพยดาข้ามไปด้วย"
@@@@@
ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่จะสำเร็จได้ด้วยองค์ ๘ ได้เกิดขึ้นแก่เราแล้ว คือ
๑. #ความเป็นมนุษย์
๒. #ถึงพร้อมด้วยอุดมเพศ
๓. #เหตุคือการบรรลุอรหัตได้
๔. #การใเห็นพระศาสดา
๕. #การได้บรรพชา
๖. #ความสมบูรณ์ด้วยคุณ คือ อภิญญาและสมาบัติ
๗. #การกระทำอันยิ่งใหญ่ คือ สละชีวิตอุทิศแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๘. #ความเป็นผู้มีฉันทะ คือ ยินดีในสัมโพธิญาณ
.
@@@@@
.
พระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกร ได้ตรัสคำนี้กับเราว่า
.
“พวกท่านจงดูดาบสผู้เป็นชฎิลผู้นี้ ซึ่งมีตบะสูง เขาจักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ในกัปป์ที่นับไม่ถ้วนจากกัปป์นี้ เขาจักเป็นพระตถาคตสัมมาสัมพุทธเจ้า จักออกจากนครชื่อ กบิลพัสดุ์ อันน่ารื่นรมย์กระทำความเพียรทุกกรกิริยา จะนั่งที่โคนต้นอชปาลนิโครธ เสวยข้าวปายาสที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราจะเสด็จไปยังควงไม้โพธิ์ จักตรัสรู้ ณ ควงไม้อัสสัตถพฤกษ์นั้น”
.
ชนและเทพทั้งหลายได้ฟังพระดำรัสต่างยินดีว่า ดาบสนี้เป็นพืชแห่งพุทธวงศ์ ถ้าเราจักพลาดศาสนาของพระโลกนาถองค์นี้ไซร้ ก็จักได้อยู่เฉพาะหน้าท่านผู้นี้ในอนาคตกาลอันยาวนาน
.
นิมิตใดจักปรากฏในสมาธิของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายในกาลก่อน นิมิตเหล่านั้นก็ปรากฏแล้วในวันนี้แก่พระตถาคต ความหนาวเหือดหายไป ความร้อนกลับระงับ หมื่นโลกธาตุปราศจากเสียง ไม่มีความยุ่งเหยิง นิมิตเหล่านั้นปรากฏแล้วในวันนี้ว่า ท่านจักได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน
_____________________
อ้างอิง : พุทธาปทาน พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๒ ข้อที่ ๑ และอวิทูเรนิทานกถา
ขอบคุณ : https://buddhadhamma.uttayarndham.org/tripitaka-stories/c/0/i/16205802/1-01
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น