ล.พ. พรหม มีวิธีการปลุกเสกวัตถุมงคลไม่เหมือนใคร ส่วนใหญ่จะปลุกเสกหลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว โดยเอาวัตถุมงคลต่าง ๆ ใส่ลงในบาตร ถ้ามีเทียนชัย หลวงพ่อจะจุดเทียนชัยหยดน้ำตาเทียนลงในขันน้ำมนต์ แล้วนำเทียนชัยวนโดยรอบวัตถุมงคล 9 รอบ แล้วจึงเอาแป้งดินสอพองมาเจิมที่วัตถุมงคล เอามือคนไปรอบ ๆ โดยที่หลวงพ่อลืมตาเพ่งกระแสจิต อัดพลังต่อมาก็เอาน้ำพระพุทธมนต์ประพรมวัตถุมงคลทั้งหลาย แล้วจับภาชนะใส่วัตถุมงคลเพ่งกระแสจิตอีกครั้ง จนกระทั่งเห็นวัตถุมงคลเหล่านั้น มีรังสีพุ่งออกมา จึงเอาน้ำพระพุทธมนต์ประพรมวัตถุมงคลอีกครั้ง จึงเสร็จพิธี
เราจะสังเกตได้ว่าพระเครื่องเนื้อผงของหลวงพ่อหลายรุ่น จะมีรอยบิ่น เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เพราะเกิดจากหลวงพ่อเอามือคนนั่นเอง
วัดช่องแค ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 ตำบลช่องแค เป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี 2458 โดยหลวงพ่อพรหม ถาวโร พระเกจิชาวพระนครศรีอยุธยา หลังจากที่ท่านได้แวะธุดงค์ที่บ้านช่องแค ขณะที่นั่งสมาธิในถ้ำท่านได้เกิดปัญญาขึ้นโดยฉับพลัน ท่านจึงได้สร้างวัดขึ้นและถวายเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา ปัจจุบันศิษยานุศิษย์ได้นำร่างที่ละสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อพรหม ถาวโร มาให้ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาได้กราบไหว้ที่วัด
บุญญาภินิหารปรากฎ
มีศิษย์ของหลวงพ่อพรหมคนหนึ่ง ถูกเกณฑ์ทหาร และได้รับเลือกเป็นทหาร ได้มากราบ
หลวงพ่อพรหม ท่านได้มอบสิ่งหนึ่งให้คือ ผ้าขาวม้า โดยได้จารยันต์โสฬส ด้วยมือท่านเอง หลัง
จากนั้นศิษย์ผู้นี้ได้ถูกฝึกและส่งไปเป็นทหารปราบปรามผู้ก่อการร้าย สมัยก่อนผู้ก่อนการร้ายชุงกว่า
ยุมเสียอีก และศิษย์ผู้นี้ทุกครั้งที่ราดตระเวณ จะนำผ้าขาวม้าผืนนี้ผูกเอวไว้ และวันหนึ่งก็เกิดเรื่อง
เข้าจนได้ กองราดตระเวณที่ชายผู้นี้อยู่ ปะทะกับผู้ก่อนการร้ายเข้า โดนยิงด้วยปืนเอ็ม 16
พรุนทั้งร่างเจ้าตัวสลปเข้าใจว่าตาย เพื่อน ๆ ทหารเข้าใจว่าตายเช่นกัน พอจะนำร่างศิษย์ของท่านกลับ แทบไม่เชื่อสายตาตนเอง เสื้อพรุนไปทั้งร่าง แต่กระสุนไม่ระคายผิว แถมยังมีลมหาย
ใจอยู่ เพียงแค่สลปด้วยความเจ็บที่กระสุนกระทบร่าง 30 กว่านัด แต่ไม่สามารถที่จะกระชากวิญญาณจากร่างได้ ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่ว ทำให้ผู้คนทั้งสิบทิศที่ทราบข่าว มุ่งสู่วัดช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
วาจาสิทธิปรากฎ
ผ้าขาวม้าหลวงพ่อพรหมนี้ทุกคนต้องการมาก ๆ มีเท่าใดก็หมดจากวัดในเวลาอันรวดเร็วใน
สมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ มีพระลูกวัดอยู่รูปหนึ่ง จัดหาผ้าขาวม้ามา และเขียนยันต์เอง และนำมาจำหน่าย
ภายในวัด โดยที่ท่านไม่ทราบเรื่อง ภายหลังท่านทราบเรื่องดังกล่าว เรียกไปตำหนิ พลั้งเผลอพูดว่า
ท่านจะบ้าหรือ ทำอย่างนี้ได้อย่างไร เท่ากับหลอกเงินชาวบ้าน หลังจากนั้นไม่กี่เดือนพระรูปนั้น วิกลจริตตามที่ท่านได้พลั้งเผลอพูดไป
ไฟฟ้าแรงสูงช็อตไม่ตาย
มีชายผู้หนึ่ง คล้องเหรียญสรงน้ำ (ถ้าจำไม่ผิด) ได้ขับมอเตอร์ไซด์ฝ่าฝนที่ตกหนัก คน
เราถึงคราวเคราะห์ เสาไฟฟ้าในสมัยก่อนเป็นไม้ และด้วยแรงลมประกอบกับความเก่า สายไฟฟ้า
แรงสูงได้ห้อยลงมา ประกอบกับฝนตกหนัก ชายผู้นั้นไม่เห็นขับฝ่าฝน ร่ายกายโดนสายไฟฟ้าที่
ห้อยลงมา เท่านั้นแหละ ไฟฟ้าแรงสูงช็อตทันที มอเตอร์ไซด์ไหม้ ตัวกระเด็นออกมา สร้อยคล้อง
พระเสตนเลสละลาย เสื้อขาดเป็นช่วง ๆ ประกอบกับร่างกายมีรอยดำดำ ด่าง ๆ รอยไหม้ เลือด
ออกทางตา จมูก และหู แต่เหรียญหลวงพ่อพรหม อยู่ที่หน้าอกชายผู้นี้ ชายผู้นี้ได้ถูกนำส่งตัวที่
โรงพยาบาลทันที สลปไปประมาณ 2 เดือน แต่รอดชีวิตครับ ทีมแพทย์ที่รักษาในสมัยนั้น บอก
กับญาตว่า 1 ในล้าน ที่รอด ส่วนใหญ่โดนไฟฟ้าแรงสูงเป็น 1000-2000 วัตต์ ตายสถานเดียว
เหลือเชื่อมาก ๆ เป็นหมอมาทั้งชีวิต เห็นรายนี้รายแรก อัศจรรย์มาก ๆ (ไม่ต้องมากหรอกครับ
เพียงไฟบ้าน 220 วัตต์ ถ้าโดนดูดตายทันทีครับเห็นมาหลายรายแล้ว)
ฟ้าผ่าไม่ตาย
มีชาวนาผู้หนึ่งคล้องพระท่าน ใส่เกี่ยวข้าวและวันนั้นฝนตก ฟ้าคะนอง จึงเดินกลับที่พัก
ระหว่างเดินกลับ ฟ้าผ่าลงมาที่ร่างชาวนาผู้นี้ เสื้อผ้าขาด ร่างกายเป็นรอยไหม้ แต่ไม่ตายครับ
เรื่องนี้เป็นที่กล่าวขวัญอีกครั้ง และล่ำลือไปทั่วจังหวัดนครสวรรค์ และชื่อเสียงกระจายทั่วภาค
กลางในเวลาต่อมา
ตกจากหลังคาโบสถ์ และห้ามลม ฝน
ผมเคยรู้จักกับเจ้าของโรงงานไดนาโม ย่านฝั่งธนท่านหนึ่ง เห็นเฮียคล้องเหรียญ
หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค รุ่นสรงน้ำอยู่ เฮียคนนี้เพื่อนแนะนำให้รู้จัก จึงเอ๋ยปากขอเช่า
พระ แต่เฮียเขาบอกปลอมนะ ผมมั่นใจสายตาบอกว่าปลอมก็เช่า ของปลอมไม่มีค่า แต่
ผมให้ 500 บาท ซื้อพระปลอม แกเงียบไปสักพักหนึ่ง บอกว่าไม่ปล่อย ดูเป็นหรือเรา
หลังจากนั้นมีการพูดคุยกันถูกคอ เฮียเล่าให้ผมฟังว่า สมัยหนุ่ม ๆ ญาตได้ชวนไป
ทำบุญยกช่อฟ้าโบสถ์ ที่วัดช่องแค ตัวเฮียไม่รู้จักหรอกว่าหลวงพ่อมีชื่อเสียง แต่รู้ว่าไปถึง
วัดคนมาร่วมบุญจำนวนมากอยู่ เวลายกช่อฟ้าจะต้องมีคนอย่างน้อยประมาณ 3-4 คน อยู่
บนหลังคาโบสถ์ช่วงที่จะนำช่อฟ้าไปติดตั้ง ผลปรากฎว่าวันนั้นมีชายผู้หนึ่งพลัดตกลงมา
คนเอะอะโวยวายกันใหญ่ เฮียก็ไปดูกับเขาด้วยเห็นปฐมพยาบาลสักครู่ ชายผู้นั้นลุกเดิน
เสมือนหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น และได้ไปโรงพยาบาล ภายหลังทราบว่าแค่ฟกช้ำดำเขียว
เฮียแกแปลกใจตั้งแต่ตกลงมาแล้วว่าทำไมถึงไม่เป็นไร และลุกขึ้นเดินได้ แกมารู้ภายหลังว่า
ไปโรงพยาบาลตรวจเช็ค ร่างกายเพียงฟกช้ำ แพทย์ลงความเห็นว่าไม่เป็นไร ปลอดภัย
หลังจากนั้นพอใกล้ฤกษ์ยกช่อฟ้า ฟ้าที่สว่าง แดดเปรี้ยง กลับมืดคลื้มประดุจเวลาพลบค่ำ
กรรมการวัด และชาวบ้านเห็นเข้ารู้ทันทีว่า พายุเข้าฝนตกหนักแน่นอน กรรมการวัดได้ไปกราบ
หลวงพ่อพรหม ซึ่งท่านนั่งอยู่ในเต้นท์ว่า ต้องเลื่อนการยกช่อฟ้าออกไปอากาศไม่อำนวย
หลวงพ่อพรหม ไม่พูดอะไร ให้ศิษย์ไปหยิบธูปมากำใหญ่กำหนึ่ง และจุดธูปให้ท่าน ท่านถือธูปไป
กลางแจ้ง ยกมือภาวนา ปักธูปกำใหญ่ลงไปในพื้นดิน และถอดจีวรออก สะบัดไปสี่ทิศ
คนในงานมองเป็นตาเดียว และงงกันเป็นแถว ๆ ว่าหลวงพ่อทำอะไร เฮียแก่เล่าว่าเหลือเชื่อมาก
มาก ฟ้าที่มืดคลื้ม กับสว่างที่ละเล็กละน้อย และสว่างมากขึ้นเป็นลำดับ แดดเปรี้ยงดังเดิม ทั้งเฮีย
และผู้คนในงาน งง เป็นไก่ตาแตก และเรื่องนี้เป็นที่โจษจันกันมาก เฮียถึงบูชาพระเครื่องท่าน
มาประมาณ 20 เหรียญ พร้อมพระผงจำนวนหนึ่งครับ และหลังจากเหตุการณ์นั้น ฝนไม่ตก
ที่อำเภอตาคลีเป็นเวลา 3 ปี ชาวบ้านรุ่นเก่า ๆ ทราบดี เฮียแกเล่าให้ฟัง
วาระสุดท้าย และสังขารอันเป็นที่อัศจรรย์
หลวงพ่อพรหม ถาวโร ท่านมรณภาพ เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2518 ที่โรงพยาบาล
บ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี สิริอายุ 91 ปี 71 พรรษา คุณงามความดีของท่านที่ทำประโยชน์ให้กับ
ศาสนามีมากมาย และศพของท่านปัจจุบันไม่เน่าเปื่อย และเส้นผมที่ศรีษา หนวด เล็บมือ เล็บเท้า
เส้นขนคิ้ว งอกเองเรื่อย ๆ ทุกปี ทางวัดต้องทำพิธีปลงผม ปลงเล็บให้ วัตถุมงคลของท่าน
สร้างออกมามากมาย และที่สำคัญที่วงการพระเครื่องยอมรับ คือ พระเครื่องท่านไม่เสื่อม
แสดงถึงความมั่นใจในพระเวทย์ และสมาธิจิตขั้นอภิญญาจารย์ของท่าน เพราะเคยมีศิษย์ถามท่านว่า
คล้องพระรอดราวตากผ้าเสื่อมไหม ท่านถามกลับว่ามึงเกิดจากอะไร ของกูไม่มีคำว่าเสื่อม ถึง
แตกหักก็ไม่เสื่อม ขออย่างเดียว อย่าด่าพ่อแม่ และผิดภรรยาหรือสามีชาวบ้านแล้วกัน
ขอบคุณที่มา
http://baanjompra.com/webboard/thread-1009-1-1.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น