พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า แม้บุตรจะแบกมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง แบกบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง ให้ท่านมีอายุมีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และพึงปฏิบัติบำรุงท่านทั้ง 2 ด้วยการอบกลิ่น อาบน้ำ การบีบนวด และให้ท่านถ่ายอุจจาระบนบ่าของบุตร ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทนบุญคุณแก่มารดาบิดา
..... ส่วนบุตรคนใด ที่นำพ่อแม่ดำเนินเข้าสู่เส้นทางธรรม ด้วยการนำท่านให้สมาทานประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา หรือทาน ศีล ภาวนา จนพ่อแม่มีศรัทธา มีศีล มีจิตปราศจากความตระหนี่ และมีปัญญารู้ทั่วถึงธรรม ลูกคนไหนทำได้อย่างนี้ นี่คือ ที่สุดแห่งความกตัญญู
.
ดังในครั้งพุทธกาลมีพระสาวกรูปหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่ามีความกตัญญูเป็นยอด ท่านคือ พระสารีบุตร
พระสารีบุตรนั้น ท่านเป็นพระอรหันต์ อัครสาวก สอนคนให้บรรลุธรรมมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ยังมีคนคนหนึ่งที่ท่านยังไม่ได้สอนและหากท่านยังไม่ได้สอนคนคนนี้ ท่านก็ยังนิพพานไม่ได้ คนที่ว่านี้ก็คือ โยมมารดาของท่านนั่นเอง
วันหนึ่ง ก่อนที่ท่านจะนิพพาน ท่านได้กราบทูลลาพระพุทธองค์เพื่อกลับบ้านเกิด เมื่อได้รับพุทธานุญาตแล้ว ท่านจึงออกเดินทางทั้ง ๆ ที่ร่างกายระงมด้วยพิษไข้ แต่ถึงกระนั้น ท่านก็บุกบั่นเดินทางไปจนพบหน้าโยมมารดา
คืนนั้น ท่านแสดงธรรมโปรดโยมมารดาจนได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล เมื่อท่านชำระหนี้ศักดิ์สิทธิ์นี้เสร็จสิ้นแล้วเช้าตรู่วันนั้นท่านก็นิพพานอย่างสงบ
ตัวอย่างชีวิตของพระสารีบุตรเตือนให้เราตระหนักรู้ว่า
“ถึงจะทำดีกับคนทั้งโลกมาแล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำดีกับมารดาบิดาของตน ความดีที่ทำมาก็ยังนับว่าเป็นความดีอย่างธรรมดาสามัญเท่านั้นเอง แต่เมื่อใดก็ตามที่ลูกสามารถประดิษฐานมารดาบิดาบังเกิดเกล้าของตนไว้ในดินแดนแห่งธรรม เมื่อนั้นแหละจึงจะนับว่าลูกได้ทำความดีที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง”
แม้นพระพุทธองค์ ก็ทรงเป็นยอดแห่งบุตรผู้ทรงกตัญญูต่อพระมารดาพระบิดาในระดับสูง เพราะพุทธองค์ทรงเสด็จกลับกรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อแสดงธรรมโปรดพระเจ้าสุทโทธนะ (พระบิดา) จนมีดวงตาเห็นธรรม และเสด็จขึ้นสวรรค์ชั้นดาววดึงส์เพื่อแสดงธรรมที่มีชื่อว่า พระอภิธรรม ได้ชื่อว่าเป็นธรรมชั้นสูงโปรดพระมารดา เป็นระยะเวลา 3 เดือน
การกตัญญูต่อบิดามารดาระดับสูง คือ การนำพ่อแม่ให้เดินเข้าสู่เส้นทางธรรม อันได้แก่
1.ช่วยนำพ่อแม่ที่ไม่มีศรัทธา ให้เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา
2.ช่วยนำพ่อแม่ไม่มีศีล ให้มีศีล
3.ช่วยนำพ่อแม่ไม่มีความเป็นคนใจบุญ ให้เป็นคนใจบุญสุนทาน
4.ช่วยนำพ่อแม่ที่ไม่มีปัญญา ให้มีปัญญา
5.ช่วยนำพ่อแม่ที่ไม่มีโอกาสได้พบแสงสว่างแห่งธรรม ให้ได้ชิมลิ้มรสธรรม
ส่วนการกตัญญูต่อบิดามารดาระดับพื้นฐาน คือ การทำหน้าที่ของลูกต่อบุพการีให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งหน้าที่ดังกล่าวนี้ลูกคนไหนทำได้ อันได้แก่
1.ท่านเลี้ยงมาแล้วต้องเลี้ยงท่านตอบ
2.ช่วยทำการงานของท่าน
3.ดำรงวงศ์สกุล
4.ประพฤติตนให้สมควรรับมรดก
5.เมื่อท่านล่วงไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน
ลูกคนไหนจะปฏิบัติหน้าที่ความกตัญญูต่อบิดามารดา ไม่ว่าจะระดับพื้นฐานหรือระดับสูง ก็ขึ้นอยู่กับสถานะและปัญญาของตน เพราะพุทธองค์ทรงสรรเสริญความกตัญญูว่าเป็นเครื่องหมายของคนดี ดังพุทธศาสนสุภาษิต ที่ว่า
. นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ, กตญฺญู กตเวทิตา.
ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายแห่งคนดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น