พระธาตุพนม ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 8 โดยพระมหากัสสปะเถรพร้อมทั้งพระอรหันต์ล้วนอีก 500 รูป อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนกระดูกหัวอกหรือ พระอุรังคธาตุ มาจากชมพูทวีป(ประเทศอินเดีย) เพื่อประดิษฐานไว้ยังมงคลปเทสอันปัจจุบันคือพระธาตุพนม
เนื่องจากพระมหากัสสปะเถรเป็นพระอรหันตเจ้าที่พระบรมศาสดาทรงยกย่องเป็นยิ่งในทุกด้านทุกทาง กระทั่งพระองค์ทรงแลกผ้าสังฆาฏิกับพระมหากัสสปะและตรัสเรียกเสมอว่า
“กัสสปะผู้เป็นบุตรของเรา”
ครั้งพระศาสดาเสด็จสู่มหาปรินิพพาน พระสาวกทั้งหลายและกษัตริย์ทุกเมืองไม่อาจจุดไฟถวายพระเพลิงแก่พระบรมศพได้ กระทั่งพระมหากัสสปะธุดงค์ออกจากป่ามาถึง ครั้นก้มลงกราบพระสรีระที่ปลายพระบาทก็ปรากฏอัศจรรย์ พระบาททั้งสองได้ยื่นออกจากผ้ากัมพลที่ห่อพระบรมศพไว้ถึง 500 ชั้นทะลุผ่านพระหีบทองทึบให้พระมหากัสสปะได้กราบซบลง
จากนั้นเตโชธาตุก็ลุกโพลง
แผดเผาพุทธสรีระอยู่ 7 วันจนหมดสิ้นคงเหลือแต่พระอัฐิธาตุ 7 ชิ้นที่ไฟไม่อาจทำลายได้คือ พระอุณหิส(กระดูกกระหม่อม) 1 พระเขี้ยวแก้ว(ฟันส่วนเขี้ยว) ทั้ง 4 พระรากขวัญ(กระดูกไหปลาร้า) ทั้ง 2
นอกนั้นแตกย่อยลงอย่างใหญ่สุดมีสัณฐานเท่าเมล็ดถั่วแตก อย่างกลางเท่าเมล็ดข้าวสาร อย่างเล็กเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด รวมกันตวงได้ 16 ทะนาน จากนั้นโทณพราหมณ์ผู้ได้รับการตั้งให้เป็นคนแจกจ่ายพระบรมสารีริกธาตุได้ทำการ แฮป เอาพระทาฒธาตุหรือพระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาซี่บนไว้เป็นสมบัติตัวโดยซ่อนไว้ในผ้าโพกศีรษะ
ปรากฏว่าพระอินทร์ส่องทิพยเนตรมาดูเห็นความไม่ซื่อของโทณพราหมณ์ก็คิดว่า ตาพราหมณ์นี้ไม่บังควรได้ของดีวิเศษเป็นเลิศประเสริฐในโลกเช่นนี้ไป ด้วยไม่อาจทำสักการวิธีอันสมควรแก่พระบรมธาตุได้ จึงตัดสินใจลงจากดาวดึงส์เทวโลกมา ขมาย คือแฮปต่ออีกทีหนึ่งไปประดิษฐานไว้ยังพระจุฬามณีเจดีย์สถานในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ส่วนพระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาซี่ล่างถูกอัญเชิญไปประดิษฐานอยู่เมืองกลิงคราฐและปัจจุบันไปอยู่ลังกาทวีป (เมืองแคนดี้ในประเทศศรีลังกา) พระเขี้ยวแก้วเบื้องซ้ายซี่บนประดิษฐานที่เมืองคันธารราฐ (แถบตะวันออกกลางแถวเมืองบามิยัน) พระเขี้ยวแก้วเบื้องซ้ายซี่ล่างประดิษฐานอยู่ ณ นาคพิภพ
พระรากขวัญเบื้องขวาองค์อัมรินทราธิราชและหมู่เทพดามาอัญเชิญไปไว้ยังพระเกศแก้วจุฬามณีคู่กับพระเขี้ยวแก้วในเทวโลก พระรากขวัญเบื้องซ้ายกับพระอุณหิสท้าวฆฏิการพรหมมาอัญเชิญไปประดิษฐานยังพระมหาทุสเจดีย์ในพรหมโลก
พระมหากัสสปะเถรผู้เป็นพุทธบุตร เมื่อกราบคารวะพระบรมศพแล้วก็เกิดปาฏิหาริย์คือพระอุรังคธาตุได้เสด็จออกจากพระหีบทองมาสู่ฝ่ามือขวาก่อนเตโชธาตุจะลุกเปลว
ท่านจึงดำเนินการตามพุทธดำรัสก่อนปรินิพพานคือให้นำพระอุรังคธาตุไปประดิษฐานไว้ ณ ดอยกปณคีรี เมืองศรีโคตบูรณ์ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.
#ถ้าญาติธรรมอ่านมาถึงตรงนี้เห็นว่ามีประโยชน์
#กดแชร์แบ่งปันให้มนุษทั้งหลายทราบทั้วกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น