คำว่า "ทิพจักขุญาณ" นี่ก็แปลว่า ความรู้สึกทางใจคล้ายตาทิพย์ ไม่ใช่ลูกตาเป็นทิพย์ อย่าเข้าใจผิด ถ้าตาที่เขาลือกัน "ทิพเนตร" นี่เราไม่มีหรอก
มนุษย์นี่ไม่มีตาทิพย์ ตาทิพย์จะมีได้ก็เทวดา พรหม หรือพระอริยะที่ท่านนิพพานไปแล้ว หรือพระอริยะที่ยังไม่นิพพาน ตายเป็นเทวดาหรือพรหม อันนี้ถ้ามีกายเป็นทิพย์ก็มีตาทิพย์
มนุษย์นี่จะเป็นใครก็ตามมีตาทิพย์ไม่ได้ ต้องมีแต่ "ทิพจักขุญาณ" "ทิพโสตญาณ" คือรู้คล้ายใจเห็น รู้คล้ายหูได้ยิน มีอารมณ์รู้ทางใจ ใครพูดมาที่ไหนกี่แสนชาติก็ตาม ถ้าเราต้องการจะรู้เราก็จะรู้ว่าเขานั่งอยู่ที่ไหน อันนี้เป็นทิพจักขุญาณ รูปร่างลักษณะเป็นอย่างไร กิริยาแสดงแบบไหน นี่เป็นทิพจักขุญาณ
ถ้ารู้ว่าเขาพูดแบบไหน เสียงเล็กเสียงใหญ่ พูดยาวพูดสั้น พูดดังพูดเบา นี่เป็นทิพโสตญาณ ไม่ใช่ว่าพูดเดี๋ยวนี้ต้องได้ยินเดี๋ยวนี้ ไม่จำเป็น พูดเมื่อไรก็ตามถ้าเราต้องการจะรู้มันจะรู้ได้ทันที อันนี้เป็นทิพโสตญาณ
คำว่า "ญาณ" แปลว่ารู้ แต่มันใช้ได้ทุกขณะ ทบทวนได้ ถ้าเป็นทิพโสตเขาต้องพูดเวลานั้นแล้วก็ได้ยิน ถ้าหากว่าหูเป็นทิพโสต ถ้าทิพโสตเฉย ๆ เขาพูดเวลานั้นจึงได้ยิน ถ้าหากว่าทิพเนตรเขาต้องปรากฏเวลานั้นจึงเห็น
ถ้าทิพจักขุญาณเมื่อไรก็ได้ เขาแสดงมาแล้วหลายแสนกัปและหลายแสนชาติอยากจะทราบว่าไอ้ชาตินั้นเขาทำอะไรไว้บ้าง เราต้องการทบทวนจะรู้ก็รู้ได้ทันทีดีกว่ากันนะ ยาวกว่ากันเยอะ
ขอท่านที่มาใหม่ขอให้ทราบว่า คำว่าทิพจักขุญาณนี่มีความรู้สึกทางใจคล้ายตาทิพย์ ก็ต้องเชื่อใจ อย่าเชื่อตา รู้ทางใจไม่ใช่รู้ทางตา
ถ้าจะเปรียบเทียบก็เหมือนทุกคนมาจากบ้าน ถ้าเวลานี้ถ้าใครถามว่าบ้านทำด้วยไม้หรือทำด้วยตึก ทรวดทรงเป็นอย่างไร สีสันวรรณะเป็นแบบไหน ที่บ้านมีกี่คนมีเด็กเท่าไร มีผู้ใหญ่เท่าไร มีผู้หญิงเท่าไร มีผู้ชายเท่าไร เราตอบได้หมด ที่ตอบได้นี่ไม่ใช่ตาเห็น มีความรู้สึกทางใจ
พระราชพรหมยาน,ธัมมวิโมกข์,(2562),459,25-26
Facebook : นิตยสารธัมมวิโมกข์ วัดท่าซุง
CR : แขไข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น