23 สิงหาคม 2563

อารมณ์ของณานต่างๆ

หลวงพ่อต้องฝึกทั้ง 4 สาย
ผู้ถาม : ทำไมหลวงพ่อต้องฝึกทั้ง 4 สายล่ะครับ? คือ สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต

หลวงพ่อ : ความจริงมันไม่จำเป็นต้องทำถึง 4 สายหรอก สายเดียวก็พอแล้ว แต่เราไม่หมดสงสัยนี่ ใช่ไหม..ไม่งั้นคุยกับพวกเขามันไม่เข้าใจ อ่านแค่หนังสือมันเข้าใจจริงๆ น่ะเรื่องของด้านจิตใจ ถ้าอ่านหนังสืออย่างเดียวยังหยาบมาก แค่ฌาน 2 นี่พังแล้ว เราดูตำราคล่องเป็นครูเขาด้วย เคยเทศน์ด้วย ตั้งแต่ฌานต้นถึงนิพพานเราพูดได้ พอทำจริงถึงฌาน 2 พังเลย! ไม่รู้!

ฌานที่ 1 มันมีองค์ 5 คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข และ เอกัคคตา ใช่ไหม พอถึงฌานที่ 2 วิตก วิจาร ออกไป..เหลือ ปีติ สุข เอกัคคตา พอทำเข้าจริงๆ ปั๊บ! พอถึงฌาน 2 มันหยุดภาวนา เราเลยไม่รู้เรื่องเลย พอหยุดไปพอจิตมันตกปั๊บ! อุ๊ยตายจริง! ลืมภาวนานี่หว่า นี่ไม่รู้ว่าเข้าญาน 2 แค่นี้แค่ฌานโลกีย์ ถ้าสูงขึ้นไปยิ่งแย่ใหญ่

ผู้ถาม  มันไม่เป็นมารใช่ไหมครับ?

หลวงพ่อ  ไม่ใช่มาร มันเข้าใจผิดว่าคือเข้าฌาน 2 เขาตัด วิตก วิจาร ใช่ไหม พอมันตัดเข้าจริงๆ เราไม่รู้ว่าตัด วิตก-ตรึก วิจาร-ตรอง ใช่ไหม แต่ความจริงไอ้ตัวภาวนานี่มันทั้งตรึกทั้งตรอง พอเข้าถึงญาณ 2 ปั๊บ! มันตัดของมันเอง เราก็เข้าใจผิดคิดว่าหลับ แค่นี้เองไม่ถึงแค่ไหนเลย แค่ประถมปีที่ 2 ตายแล้ว จึงบอกว่าถ้าปฏิบัติไม่ถึงแล้ว อย่าไปคุยกันเลย ท่านได้ขั้นไหน เราถามท่านอธิบายขั้นนั้นเลยไปท่านอธิบายเท่าไรก็ผิด

ฉะนั้น ท่านที่ได้พระโสดาบัน ถ้าไปถามอารมณ์ของพระสกิทาคามี พระอนาคามี ท่านไม่ตอบ ท่านพูดแค่นั้น ถ้าถามต่อไปท่านไม่พูด ถ้าพูดผิดแน่!

แต่ความจริงพวก "สาวกภูมิ" นี่เขาสบาย ถ้าเป็นฝ่ายสุกขวิปัสสโกนะ เขาก็เรียนกันแค่นั้นแหละ! เรียนง่ายๆ จุดใดจุดหนึ่ง ไม่ต้องเอาทั้งหมด แต่ว่าถ้าเราจะเรียนเตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต ต้องเรียนมากหน่อย ถ้าจะเรียนถึงขั้นเตวิชโชขึ้นไป ต้องละเอียดนิดหนึ่ง ต้องไปมั่วสุมกับนิวรณ์ 5 ประการให้คล่องตัว แล้วจะต้องไปคบหาสมาคมกับกสิณ ถ้าหากว่าไม่ไปคบกับกสิณ ไม่มีทางได้วิชชาสามใช่ไหม ถ้าเป็น อาทิกัมมิกบุคคล คือ ผู้ที่ยังไม่เคยได้มาก่อน ต้องไปเริ่มต้นใช้กสิน 3 อย่าง คือ กสิณไฟ กสิณสีขาว กสิณแสงสว่าง แต่ว่าคนที่ฝึกมาแล้วในกาลก่อนกสิณอะไรก็ใช้ได้ เพราะเคยได้มาแล้ว

อันนี้หมายความว่าจะต้องได้ถึงฌาน 4 แล้วจะมาปล้ำอารมณ์ให้ได้ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ กับ ทิพจักขุญาณ ไม่ใช่ของง่ายเลย ใช้เวลาเยอะ! ต้องใช้ความเพียรอย่างหนัก ต้องใช้ความบ้าพอ ถ้าบ้าไม่พอไม่ได้ ต้องใช้อารมณ์เกินกว่าคนธรรมดา หมายความว่าเราจะต้องไม่หนักใจ ไอ้เรื่องความทุกข์ยากลำบากในการฝึก ไม่หนักใจสู้สะบัด แล้วต้องมั่นใจในกำลังใจของตนเอง

ประการที่ 2 ไม่เห็นความสำคัญของชีวิต จุดนี้แหละเป็นจุดที่มีความสำคัญที่สุด ไม่ว่าฌานชั้นไหนล่ะ! ถ้ายังมีความห่วงในชีวิต ไม่มีทาง บางทีร่างกายดีๆ พอนั่งปุ๊บ! ท้องมันเสียดอืดขึ้นมาแล้ว ฉันเคยโดนหลายหน มันไม่อืดเฉยๆ มันแน่นจุกขึ้นมาหน้าอก ทำท่าจะตาย ทำไงก็ไม่หาย ลองดูสิว่าไม่หายก็กินยาเรื่อย กินยาก็ไม่หาย ดมยาก็ไม่หาย ผลที่สุดจุดธูปจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัยบอก เออ..มึงพังได้ก็ดีสิวะ! กูจะได้สบายเสียที เป็นขี้ข้ามานานแล้ว เอ้า! เอาเลยรวบรวมกำลังใจ พอจับลมหายใจเข้าออกมันหายเลย 

ไอ้นี่เขาเรียกอะไรรู้ไหม "ขันธมาร" การป่วยไข้ไม่สบาย การปวดโน่นเจ็บนี่เขาเรียกว่า "ขันธมาร"

ขันธ์ คือร่างกาย มาร คือผู้ฆ่า อาการทางร่างกายมันเกิดขึ้นมาเป็นการฆ่ากำลังใจที่จะก้าวเข้าสู่ความดี ถ้าเราแพ้มันตอนนี้เราพัง นี่ถ้าคนดีเขาไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ออกอึ้ดๆ ไม่ไหวเลิกเดี๋ยวตาย แต่คนบ้าบอก เอ้า! จะตายก็ช่างมัน! พอมันเห็นเราบ้ากับมันก็ไม่เอาไปเลย นี่หลายวาระที่มีอาการแบบนี้ บางทีนั่งๆไป หวัดก็ไม่เป็นดันเสือกหายใจไม่ออกเสียอีกแล้ว จมูกตันมาเฉยๆ ก็หายานัตถุ์หายาดมมันก็ไม่หาย ถ้าเชื้อสายของการเป็นหวัดมันมีอยู่เราก็ไม่ว่า ไอ้นี่มันดีโปร่งๆ สบายทั้งกายและใจโปร่งหมด พอเริ่มจับจิตเข้าถึงอุปจารสมาธิมันมาเลย พอมันมาปั๊บคลายอารมณ์มาหน่อย ยอมแพ้มันนิดเอายาที่เคยใช้ทำไปซีไม่มีอีกแล้ว ไอ้นี่มาอีกแล้วเคยเจอบ่อยๆ เลยบอก เอาเลยเพื่อนเอ๋ย! ตามสบายเถอะ! ถ้าเอ็งอยากจะทรมานขันธ์ 5 ก็ทรมานเถอะ! แต่เอ็งอย่าทรมานข้าคือจิต ไม่มีทาง ร่างกายพังเมื่อไรกูสบายเมื่อนั้น จับอารมณ์ตึ้ก โน่นเผ่นพรวดไปนอนบ้านสบายใช่ไหม ตอนนั้นบ้านอยู่แค่พรหม เพราะว่ายังเป็น "พุทธภูมิ" ขึ้นไปนอนกระดิกเท้าสบายโก๋ มองมาข้างล่างเน่าแล้วยังหว่า..ไม่เน่าก็นอนต่อไป

(จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 213 เดือนธันวาคม 2541 หน้า 58-60)

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...