The Masterpiece Hero คุณคือคนที่ใช่ 4.0
#ปิ๊งแวบ
🍀ความรู้สึกของการที่เรายอมรับว่าเรากำลังผ่านช่วงเวลาของความเหนื่อยล้า ความรู้สึกของการที่เราจะบอกกับตัวเองว่าเราพร้อมแล้วที่จะปลดปล่อยตัวเอง พร้อมที่จะเป็นอิสระจากทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ใจของเรากำลังปรารถนา เราจะไม่ผูกพันกับการชดใช้กรรมของเราอีกต่อไป เราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เราพร้อมที่จะกลับไปมีชีวิตอันงดงาม ชีวิตที่เพียบพร้อมและทรงคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ทุกครั้งที่เรากำลังสื่อสารกับจิตใต้สำนึกเพื่อขออภัยกับผู้คนกับโลก มันคือการปลดล็อก มันคือการปลดปล่อยจิตใต้สำนึกและกลับมารู้สำนึกในจักรวาล
🍀กระบวนการนี้คือกระบวนการที่เราจะต้องเข้าถึงความรู้สึกศิโรราบ เข้าถึงความรู้สึกน้อมรับกับตัวเอง มันเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่เราจะต้องบอกกับตัวเราเองว่า... ไม่ว่าเราจะใช้ชีวิตผิดพลาดขนาดไหน ไม่ว่าในอดีตที่นานแสนนาน ในอดีตกาลอันไกลโพ้นที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ เราไม่รู้ว่าเราได้กระทำสิ่งใดบ้างที่ทำให้จิตวิญญาณของเราต้องทุกข์ทรมาน เราได้ทำสิ่งใดบ้างที่ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบตัวเราหรือโลกได้รับผลจากการกระทำของเรา นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทุกสิ่งทุกอย่างในวินาทีนี้ ลมหายใจนี้ เราขอให้อภัยกับตัวเองและขอขมา ขออโหสิกรรมกับบุคคลคนนั้น กับเรื่องราวเหล่านั้น กับโลก กับการกระทำเหล่านั้นที่มันเกิดขึ้น โดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม แต่นี่คือสิ่งที่มันอาจจะติดค้างอยู่ในจิตใต้สำนึกหรือสิ่งที่เราไม่สามารถรับรู้ได้ แต่เรารู้สึกถึงการสำนึกผิดแล้ว ถ้าหากมีสิ่งนี้และการกระทำนี้เกิดขึ้น เรารู้สึกถึงความสำนึกผิดแล้วในวินาทีนี้ เพราะเราปิ๊งแวบ เพราะเราตื่นรู้ทางจิตวิญญาณแล้ว และรู้ว่ามันคือความเจ็บปวด มันคือความตรอมตรม มันคือความรู้สึกผิดที่เราพร้อมแล้วที่จะยอมรับและขอขมาลาโทษ พร้อมแล้วที่เราจะยอมรับผิด เรายอมรับว่าเราเหนื่อยล้า เรายอมรับว่าชีวิตของเราที่ผ่านมาทุกภพทุกชาติหรือแม้แต่จากที่เราได้เกิดมาจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้เรารู้ตัวแล้วว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่มีผลกับชีวิตของเราจากการกระทำของเรา มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ชีวิตของเราต้องประสบกับความรู้สึกมากมายที่ทำให้ชีวิตของเรามันไม่สมบูรณ์อย่างที่เราปรารถนา
🍀วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะชดใช้กรรม พร้อมแล้วที่จะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น เราพร้อมแล้วที่จะสำนึกผิด เราพร้อมแล้วที่จะขอขมาลาโทษความรู้สึกนี้กำลังรู้สึกอยู่อย่างท่วมท้นในหัวใจของเรา เราพร้อมแล้วที่จะปลดเปลื้องพันธนาการของดวงวิญญาณของเรา เราพร้อมแล้วที่จะขอร้องให้ชีวิตของเราเป็นอิสระจากทุกสิ่งทุกอย่าง หัวใจของเราเต็มไปด้วยความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่จะใช้ชีวิตอย่างงดงาม ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีคุณค่า หัวใจของเราพร้อมแล้วที่จะขออโหสิกรรมกับมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม จิตวิญญาณทั้งหลายทั้งปวงในจักรวาล ให้พวกเรารู้สึกตามถ่ายทอดสัญญาณ (ขอให้พวกเรารู้สึกตามไปพร้อมผม) พร้อมแล้วที่จะขอขมากับชีวิต ขอขมากับดวงวิญญาณของเรา ขอขมากับจิตวิญญาณและธาตุรู้หรือสรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาล เราพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตและจิตวิญญาณของเราสู่ตัวตนใหม่ เราได้ตระหนักรู้ถึงความคิดถึงความทุกข์ทรมาน เราได้ตระหนักรู้ถึงพันธสัญญาทางจิตวิญญาณที่เราเรียกว่า Soul Contract : พันธสัญญาทางจิตวิญญาณ
เราพร้อมแล้วที่จะยอมรับและทบทวนชีวิตของเราจากภพชาติที่ผ่านมา เราพร้อมแล้วที่จะทบทวนบทเรียนชีวิตของเราในทุกภพชาติที่ผ่านมานับไม่ถ้วนและเราก็สำนึกรู้ผิดชอบชั่วดี เรารู้ว่าการเกิดใหม่อีกครั้งของเรา คือโอกาสที่เราจะได้มีโอกาสแก้ตัวใหม่อีกครั้ง การเกิดใหม่ การกลับมาเกิดครั้งใหม่ของพวกเราทุกคน ก็เพื่อที่จะได้มีโอกาสแก้ตัวใหม่อีกครั้งหนึ่ง นี่คือเงื่อนไขที่เรากำลังรู้สึกสำนึกกับดวงวิญญาณของเราอย่างแท้จริง
ขณะที่เรากำลังทำสมาธิและเชื่อมโยงกระแสจิตด้วยคำอธิษฐานและการทำสมาธิจูนจิตของตัวเองไปทั่วทั้งสากลจักรวาล จูนจิตตัวเองไปทั้งสากลจักรวาล จนเรารู้สึก... รู้สึกกับหัวใจของเรา จูนจิตของตัวเองไปทั่วทั้งสากลจักรวาลจนรู้สึกว่าเรากำลังได้รับความรู้สึกตอบสนองจากจิตวิญญาณทั่วทั้งจักรวาล ความรู้สึกของการใช้กระบวนการการจูนจิตเพื่อให้เกิดโมฆะกรรมต่อกันและกัน โมฆะกรรม คือเกิดการอโหสิกรรมนั่นเอง
จงเป็นอิสระต่อกันและกัน จงเหลือเพียงแค่ความรัก ความเมตตากรุณาและความปรารถนาดีที่มีต่อกันและกัน
พลังอำนาจของจิตวิญญาณที่ให้อภัยตัวเองจะทำให้เราเป็นอิสระจากการลงทัณฑ์ตัวเอง พระเจ้าไม่ได้ตัดสินลงโทษเราหรอก แต่จิตวิญญาณของเราต่างหากที่มันติดค้างและถูกครอบงำด้วยความทุกข์ทรมาน แต่เมื่อใดก็แล้วแต่ที่วิญญาณของเราให้อภัยตัวเองและชำระล้างดวงวิญญาณด้วยการปิ๊งแวบหรือการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณอย่างสุดขีด ด้วยการให้อภัยกับชีวิต ให้อภัยกับดวงวิญญาณดวงนี้ ด้วยการให้อภัยกับจิตวิญญาณดวงนี้ ด้วยการให้อภัยกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น และขอขมาหรือน้อมรับสำนึกผิดกับสิ่งที่เราเคยประมาทพลาดพลั้งในการกระทำของชีวิตที่เคยเกิดขึ้นในดวงวิญญาณดวงนี้ของเรา เมื่อนั้นก็จงรู้เถิดว่าพวกเราทุกคนกำลังสัมผัสกับจิตวิญญาณใหม่ พวกเราทุกคนกำลังเข้าถึงประสบการณ์ของการค้นพบชีวิตที่ล้ำเลิศที่สุดแล้ว ค้นพบการอโหสิกรรม ค้นพบโมฆะกรรมหรือการทำให้กรรมสิ้นสุดลง ซึ่งจะไม่มีผลกับใครรวมทั้งตัวเราในโลกและจักรวาลทุกอย่างได้สูญสลายไปอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างเป็นโมฆะกรรม และในที่สุดเราทุกคนก็ได้ค้นพบจิตวิญญาณแห่งความรักและความบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นกับการต่อวงจรของการจูนจิตครั้งนี้อย่างสมบูรณ์แบบ 100% แล้ว
ขอให้พวกเราทุกคนสัมผัสกับหัวใจที่ยิ่งใหญ่ซึ่งบางครั้งเราอาจจะไม่รู้ว่าเราได้เคยเป็นสัตว์ เราเคยเกิดเป็นต้นไม้ เป็นหิน เป็นพลังงาน เป็นอัญมณีและเป็นทุกสิ่งในดาวเคราะห์ดวงนี้มานานแสนนาน ดังนั้นการย้อนระลึกถึงชีวิตและจิตวิญญาณที่กำลังปลดล็อกตัวมันเองจึงเป็นกระบวนการสำคัญในระดับของจิตไร้สำนึกหรือจิตใต้สำนึกที่เรากำลังเชื่อมโยงกับวิญญาณธาตุของเรา นับตั้งแต่ลงมาเกิดบนดาวเคราะห์ดวงนี้ เชื่อมโยงจิตวิญญาณของการถือกำเนิดในสภาวะของชาติภพแรก ๆ ที่เกิดมาเป็นเพียงแค่พลังงาน เป็นเพียงก้อนเมฆหรือสายลม เป็นเพียงลาวาหรืออากาศ เป็นเพียงก้อนหิน ดินทรายหรืออัญมณีหรือเป็นเพียงฝุ่นธุลีที่หลอมรวมเป็นวัฏจักรอันยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล ซึ่งกลายเป็นวิวัฒนาการขั้นสูงสุดของความเป็นชีวิตหรือความเป็นตัวเราในที่สุดนั่นเอง
พวกเราที่รักทุกคน เรากำลังค้นพบความรักของดวงวิญญาณอันลึกซึ้ง เรากำลังค้นพบความลับของจิตแห่งการตื่นรู้ ที่เราเรียกว่าการตื่นรู้แบบปิ๊งแวบ เป็นการเข้าถึงความเป็นฮีโร่หรือจิตสำนึกสูงสุด จิตสำนึกที่ทำให้ดวงวิญญาณของเราได้ปิ๊งแวบและตื่นขึ้น ลุกโพลงขึ้นด้วยแสงสว่างแห่งชีวิตอันไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เราทุกคนได้ค้นพบสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ของความเป็นมนุษย์ ข้ามพ้นข้อจำกัดแห่งวัฏจักรของชีวิตและเป็นอิสระจากความสับสน จนทำให้เราเข้าถึงชีวิตที่แท้จริงอันเป็นแก่นแท้ของการเข้าถึงสัจธรรมนั่นเอง
..ความรู้สึกมีชีวิต.. จิตวิญญาณเป็นธาตุรู้ เราต่างแสวงหาชีวิตที่งดงาม เราต่างแสวงหาจิตวิญญาณอันสูงสุดเพื่อบรรลุถึงความตื่นรู้ของชีวิตอย่างแท้จริง เราต่างมีชีวิตดำรงอยู่เพื่อความรู้แจ้ง เพื่อการเป็นอิสระอย่างแท้จริง เป็นอิสระจากตัวตน เป็นอิสระจากสภาวะต่าง ๆ ที่มันขวางกั้นสู่ความสมดุล สู่ความว่าง สู่ความเป็นอิสระและสู่ชีวิตที่งดงาม นี่คือช่วงเวลาสำคัญแห่งการค้นพบภูมิปัญญาอันสูงส่งจากการปิ๊งแวบทางจิตวิญญาณที่เกิดขึ้นกับพวกเราทุกคน
ขอให้พวกเราทุกคนสัมผัสกับประสบการณ์นี้อีกครั้งหนึ่ง ประสบการณ์แห่งการตื่นรู้เบิกบานที่ทำให้เรารู้ได้ด้วยตัวเอง มิใช่การรู้จากการอ่านผ่านตำรับตำรา แต่คือการลงมือปฏิบัติทางจิตเพื่อความรู้จริงที่ทำให้เราเป็นอิสระจากความโง่งม ที่ทำให้เราได้เข้าใจความจริงของชีวิตจากประสบการณ์ตรง มันไม่ใช่เพียงแค่ได้อ่านหรือได้ฟังจากตำรา แต่เรากำลังค้นพบชีวิตที่ทำให้เรารู้จักตัวเอง ที่ทำให้เราปิ๊งแวบ ที่ทำให้เราค้นพบความเป็นธาตุรู้หรือจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
และการเข้าถึงตัวตนที่สูงส่งนี้ คือการเปิดรหัสลับชีวิตและจิตใต้สำนึกของการเป็นฮีโร่
---------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น