ภาพศิลปกรรมฝาผนังเรื่องราวของหลวงปู่ทวด
(ต้นฉบับอยู่วัดหนึ่งในศรีลังกา)
อุบายยึดเมืองโดยมิต้องรบ
พ.ศ. ๒๑๔๙ พระเจ้าวัฏฏะคามินีแห่งลังกา (ประเทศศรีลังกา) คิดขยายอำนาจ หมายจะยึดเอากรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองขึ้น แต่มิใช่ด้วยการหักหาญเอาด้วยการรบ จึงคิดอุบาย ท้าพนันต่อสู้ด้วยสติปัญญา ให้เบิกทองคำหลวง หลอมเท่าใบมะขาม ๘๔๐๐๐ เม็ด ให้พราหมณ์เฒ่าเจ้าปัญญา ๗ คน เดินทางมาอยุธยา ขนลงเรือสำเภา พร้อมพระราชสาส์นและเครื่องบรรณาการล้ำค่า เต็ม ๗ สำเภาเรือ
ท้าพระเจ้ากรุงสยาม ให้แปลพระธรรมในเม็ดทองคำ เรียบเรียงลำดับให้ถูกต้องภายใน ๗ วัน หากทำมิสำเร็จ อยุธยาจักต้องส่งดอกไม้เงิน -ทอง แก่ลังกาประจำทุกปีตลอดไป แต่หากแปลได้ ทรัพย์สินทั้ง ๗ สำเภา จะมอบให้อยุธยา
สมเด็จพระเอกาทศรถ จึงให้นายศรีธนญชัยสังฆการี ( เจ้าหน้าที่กรมศาสนา) เขียนประกาศนิมนต์พระภิกษุผู้ทรงคุณวุฒิ และนักปราชญ์เข้ามาช่วยกอบกู้บ้านเมือง แต่ก็ไม่มีผู้ใดทำได้สำเร็จ
๖ วันต่อมา ทรงพระสุบินเห็นช้างเผือกเชือกหนึ่งจากทางใต้ ประกอบกับนายศรีธนญชัยสังฆการี เดินทางไปวัดราชานุวาส และพูดคุยกับเจ้าสามีราม พระสงฆ์ที่เดินทางมาจากนครศรีธรรมราช เพื่อมาศึกษาวิปัสสนาธุระที่อยุธยาพอดี เจ้าสามีราม จึงได้เข้ารับหน้าที่แปลพระคัมภีร์ (เจ้าสามีรามทราบด้วยญาณทันทีว่า อักขระในคัมภีร์หายไป ๗ ตัว และมีตัวใดบ้างที่หายไป)
ครั้นแล้วท่านก็คว่ำบาตรเทอักษรทองคำเริ่มแปลปริศนาธรรมทันที ด้วยอำนาจบุญญาบารมี กฤษดาภินิหารของท่านที่ได้จุติลงมาเป็นพระโพธิสัตว์โปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา กอปรกับโชคชะตาของประเทศชาติที่จะไม่เสื่อมเสียอธิปไตย เดชะบุญญาบารมีในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพยาดาทั้งหลายจึงดลบันดาลให้ท่านเรียบเรียงและแปลอักษรจากเมล็ดทองคำ 84,000 ตัว เป็นลำดับโดยสะดวกไม่ติดขัดประการใดเลย
ขณะที่ท่านเรียบเรียงและแปลอักษรไปได้มากแล้ว ปรากฏว่าเมล็ดทองคำตัวอักษรขาดหายไปเจ็ดตัวคือ
ตัว "สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ" ท่านจึงทวงถามเอาที่พราหมณ์ทั้งเจ็ด พราหมณ์ทั้งเจ็ดก็ยอมจำนน จึงประเคนเมล็ดทองคำที่ตนซ่อนอยู่ในมวยผม ออกมาคืนให้ท่านแต่โดยดี ปรากฏว่าท่านแปลพระพระคัมภีร์ได้ถูกต้องทุกประการ
เป็นการชนะพราหมณ์ในเวลาเย็นของวันนั้น
พราหมณ์ทั้ง ๗ คนยอมแพ้ มอบเครื่องบรรณาการทั้งหมดให้เจ้าสามีราม และกราบบังคมทูลลาสมเด็จพระเอกาทศรถกลับลังกาไป
สมเด็จพระเอกาทศรถ จึงพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นสมเด็จให้นามว่า "สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์"
ซึ่งคนทั่วไปเรียกท่านว่าสมเด็จเจ้าพะโคะ
หรือหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ....
#เครดิตเพจ หลวงจบไกรแดน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น