.
พระอานนท์ผู้มีอินทรีย์อันสำรวมแล้ว ได้ทูลถามพระตถาคตสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า
.
“ได้ทราบว่าสัพพัญญูพุทธเจ้ามีอยู่ พระสัพพัญญูพุทธเจ้าเหล่านั้นสำเร็จได้เพราะเหตุไรหรือ พระพุทธเจ้าข้า”
.
ในกาลนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า
.
@@@@@
.
"ชนเหล่าใดได้กระทำบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แต่เป็นผู้ไม่ได้ความหลุดพ้นจากกิเลสในศาสนาของพระชินเจ้าเหล่านั้น โดยมีพระสัมโพธิญาณนั้นแลเป็นประธาน พระอัธยาศัยอันเข้มแข็งมีพระปัญญาแก่กล้า อาจบรรลุความเป็นพระสัพพัญญูได้ด้วยเดชแห่งปัญญานั้น
.
แม้เราก็ปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้าไว้ในพระพุทธเจ้าแต่ปางก่อนทั้งหลาย บารมี ๓๐ ถ้วน ที่จะให้เป็นพระธรรมราชา เราก็ได้บำเพ็ญมานับไม่ถ้วนในพุทธเขตทั้งหลาย มีรัตนะประมาณเท่าใดที่จะนึกนำมาได้ทั้งหมดอันมีประมาณเท่านี้
.
เราได้สร้างปราสาทอันล้วนแล้วด้วยรัตนะสูงจรดฟ้า ตลอดภาคพื้นดิน มีเสาอันวิจิตร มีพื้นล้วนจินดาหน้ามุข ประตูหน้าต่าง ล้วนประณีต มีเสาระเนียด ซุ้มประตูเป็นรัตนะ
.
- พระพุทธเจ้าทุกพระองค์พร้อมทั้งพระสาวกเสด็จเข้าทางประตูปราสาทนั้น
.
- หมู่พระอริยเจ้าทั้งหลายล้วนนั่งในปราสาทของเรา
.
- พระสยัมภูปัจเจกพุทธเจ้า ผู้ไม่พ่ายแพ้ทั้งในอดีตและปัจจุบันได้ขึ้นปราสาทของเรา
.
- พระอริยเจ้าทั้งหลายได้ครองผ้าทิพย์ อิ่มหนำด้วยข้าวปายาสสำเร็จสีหไสยาสน์อันควรค่า มีสติสัมปชัญญะ ยินดีในฌานอันเป็นโคจรในปราสาทนั้น
.
- หมู่คน นาค คนธรรพ์ และเทพทุกองค์เหล่านั้น ประนมมือแวดล้อมปราสาทอยู่
.
@@@@@
.
กุศลกรรมอย่างใด เป็นกิริยาที่เราพึงกระทำด้วยกาย วาจา และใจ กุศลกรรมนั้นเราได้กระทำแล้ว สัตว์เหล่าใดผู้มีสัญญาก็ตาม ไม่มีสัญญาก็ตาม สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด จงเป็นผู้มีส่วนแห่งผลบุญที่เราได้กระทำแล้ว
.
ปวงสัตว์ในโลกผู้อาศัยอาหารเป็นอยู่ทุกจำพวก ขอจงได้อาหารอันพึงใจด้วยใจของเรา เราถือเอาความเลื่อมใสด้วยใจ บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ แล้วบูชาแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย
.
เพราะกรรมที่เรากระทำดีแล้วนั้น และเพราะการตั้งเจตนาไว้ เราละร่างกายของมนุษย์แล้ว เข้าถึงเทวภพ เป็นใหญ่กว่าเทพทั้งหลายด้วยรูปลักษณ์ โภชนะ รัตนะ โภคะ ไม่มีผู้เสมอด้วยปัญญา
.
ปวงชนในโลกธาตุจงเห็นเรา ปวงชนทั้งหมดจงมีใจดี อนุวัตรตามเรา เมื่อฝนแห่งธรรมตกลง ปวงชนจงเป็นผู้ไม่มีอาสวะ บรรดาชนเหล่านั้น ผู้เกิดด้วยธรรมสุดท้ายภายหลัง จงได้เป็นพระโสดาบัน
.
@@@@@
.
(ต่อไปนี้เป็นบารมี ๑๐ ทัศ)
- เราให้ทานที่ควรให้
- บำเพ็ญศีลโดยไม่มีเหลือ
- ถึงเนกขัมมบารมีแล้วบรรลุพระสัมโพธิญาณอันอุดม
- เราไต่ถามบัณฑิตทั้งหลาย (ปัญญา)
- ทำความเพียรอย่างสูงสุด
- ถึงขันติบารมี แล้วบรรลุพระสัมโพธิญาณอันอุดม
- เรากระทำอธิษฐานมั่นคง
- บำเพ็ญสัจจบารมี
- ถึงเมตตาบารมี แล้วบรรลุพระสัมโพธิญาณอันอุดม
- เราเป็นผู้สม่ำเสมอในอารมณ์ทั้งปวง(อุเบกขา)คือ ในลาภ ความไม่มีลาภ ในสุข ทุกข์ สรรเสริญ และดูหมิ่น แล้วบรรลุพระสัมโพธิญาณอันอุดม"
.
@@@@@
.
ท่านทั้งหลาย จงเห็นความเกียจคร้านโดยความเป็นภัย และจงเห็นความเพียรโดยเป็นความเกษม จงปรารภความเพียรเถิด นี้เป็นอนุสาสนีของพระพุทธเจ้า
.
ท่านทั้งหลายจงเห็นความวิวาทโดยเป็นภัย และเห็นความไม่วิวาทโดยเป็นความเกษม
.
จงสมัครสมานกัน กล่าววาจาอ่อนหวานแก่กัน
.
จงเห็นความประมาทโดยเป็นภัย เห็นความไม่ประมาทเป็นความเกษม
.
จงเจริญอัฏฐังคิกมรรค นี้เป็นอนุสาสนีของเรา
.
นี้เป็นพุทธจิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสกับพระอานนท์ ธรรมเทศนานี้ชื่อว่า #พุทธาปทานิยะ
________________________________
อ้างอิง : พุทธาปทาน พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๒ ข้อที่ ๑ และอวิทูเรนิทานกถา
ขอบคุณ : https://buddhadhamma.uttayarndham.org/tripitaka-stories/c/0/i/16205802/1-01
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น